กรณีเมื่อช่วงค่ำวันที่ 30 เม.ย. 62 เจ้าหน้าที่มูลนิธิสว่างประจวบได้รับแจ้งเหตุตึกถล่มที่ร้านไดนาโม ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีผู้ติดอยู่ในซากอาคาร จึงเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บในอาคาร 5 ราย ทราบชื่อคือ นายชัยโรจน์ ชัยเลิศพัฒนกิจ หรือ ช่างเก๋ เจ้าของบ้าน 54 ปี, นางสิริกาญจน์ ชัยเลิศพัฒนกิจ ภรรยา อายุ 52 ปี, น.ส.ธันยา ชัยเลิศพัฒนกิจ อายุ 31 ปี, น.ส.ธันย์นิชา ชัยเลิศพัฒนกิจ ลูกสาวคนกลาง อายุ 29 ปี และเด็กหญิงริญญรัตน์ ชัยเลิศพัฒนกิจ ลูกสาวคนเล็ก อายุ 14 ปี ทั้งหมดเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน เจ้าหน้าที่ใช้เวลากว่า 5 ชั่วโมงช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทั้ง 5 คน ออกจากซากอาคาร รีบนำส่งโรงพยาบาล กระทั่งในเวลาต่อมา นายชัยโรจน์เสียชีวิต
วันที่ 1 พ.ค. 62 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ลงพื้นที่ร้านไดนาโม พบซากปูนและเศษเหล็กเต็มทั่วบริเวณ เจ้าหน้าที่กองบิน 5 ทหารหน่วยเฉพาะกิจ, สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รวมทั้ง อบต.เกาะหลัก และอ่าวน้อย ระดมเครื่องจักรเข้าให้การช่วยเหลือ และใช้รถแบคโฮขุดค้นหาทรัพย์สินของเจ้าของบ้าน
นายอนุพงษ์ ถิ่นพังงา เจ้าหน้าที่มูลนิธิสว่างประจวบธรรมสถาน เปิดเผยว่า ตนได้รับแจ้งเหตุตอนช่วงเวลาประมาณ 18.35 น. ว่ามีบ้านถล่ม เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ พบว่าบ้านหายไปทั้งหลัง และก่อนเกิดเหตุ 1 ชม. ตนขับรถผ่านบ้านหลังนี้อยู่ ซึ่งไม่มีท่าทีว่าจะเกิดเหตุขึ้น
ช่วงที่เข้าช่วยเหลือ ตนเห็นลูกสาวคนเล็กของบ้านยืนอยู่หน้าบ้าน และมีคนอยู่ในซากอีก 4 คน ได้ยินเสียงลูกสาวคนกลางร้องที่หลังบ้าน ตนพยายามส่องไฟฉายหา พบว่าถูกเศษไม้ตู้เสื้อผ้ากั้นขวางทาง ตนจึงช่วยออกมาได้ จากนั้นได้ยินเสียงแม่เด็กติดอยู่ จึงใช้อุปกรณ์เจาะซากบ้านเพื่อนำร่างออกมา พบว่าแม่เด็กนอนตะแคง มีเหล็กอะลูมิเนียมทับขาอยู่ มีเลือดไหลที่จมูก ร่างกายอ่อนแรง
จากนั้นจึงหาพ่อและพี่สาวคนโตช่วงหลังบ้าน ได้ยินเสียงร้อง จึงใช้รถแบคโฮขนเศษซากออก พบทั้ง 2 คน ร่างถูกทับด้วยตู้ไม้ 2-3 ตู้ โดยพ่อลูกอยู่ในลักษณะนอนตะแคงโอบตัวลูกสาว มีชีพจรอ่อน ก่อนช่วยทุกคนออกมาได้โดยมีสติดี
น.ส.ธันย์นิชา ชัยเลิศพัฒนกิจ ลูกสาวคนกลาง เปิดเผยว่า ขณะที่นั่งรับประทานอาหารภายในบ้าน ได้ยินเสียงบางอย่างหล่นใส่หลังคาหลังบ้านดัง “เปรี๊ยะ” ตนกับพ่อและพี่สาวคนโตจึงลุกขึ้นไปดู เมื่อเดินไปก็เห็นหลังบ้านทรุด มีเสียงคล้ายกับปูนแตก เพียงชั่ววินาที ตนก็ไม่เห็นอะไรอีก ตอนนั้นร่างของตนก็ถูกทับ จึงพยายามเรียกพี่สาวและพยายามหาทางออกจากซากบ้าน
ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินเสียงปูนแตก แต่บ้านตนอยู่ใกล้ถนน เวลารถบรรทุกและรถสิบล้อผ่านก็จะทำให้บ้านสั่นสะเทือน จึงมองว่าเป็นเรื่องปกติ โดยบ้านหลังนี้สร้างมาประมาณ 10 กว่าปีแล้ว ไม่ได้ต่อเติม
ส่วนอาการของแม่ปลอดภัยแล้ว มีแผลฟกช้ำเล็กน้อย และเจ็บที่สะโพก ส่วนพี่คนโตอยู่ในห้องไอซียู แพทย์ให้ดูค่าไตก่อน 3 วัน และน้องคนเล็กก็ปลอดภัยมีสติดี เพราะเคยไปเรียนที่ต่างประเทศและครูสอนให้รู้จักการรับมือกับภัยพิบัติด้วยวิธีการงอตัวเก็บเข่า ทำให้น้องไม่เป็นอะไรมาก และตนก็มีบาดแผลเพียงเล็กน้อย
ด้านนายพัชรพล ขันทอง หรือ โอม อายุ 23 ปี เพื่อนบ้านผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เมื่อวาน (30 เม.ย.) เวลาประมาณ 18.00 น. ตนนอนอยู่ภายในบ้าน ได้ยินเสียงคล้ายกับเสียงปูนจะหัก หลังจากนั้นไม่นานได้ยินเสียงดังโครม จึงสะดุ้งตื่น แล้วมองผ่านหน้าต่างของบ้านก็เห็นฝุ่นฟุ้งกระจาย จึงรีบวิ่งออกจากบ้านไปดูว่ามีคนบาดเจ็บหรือไม่
ขณะนั้นได้ยินเสียงลูกสาวของเจ้าของบ้านที่ถล่ม ร้องขอความช่วยเหลือ ตนจึงไปรื้อดูช่วงหน้าบ้านก็พบกับน้อง แล้วรีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัย
ทั้งนี้ บ้านหลังดังกล่าวสร้างมาประมาณ 10 ปี และก่อสร้างด้วยปูน หลังเกิดเรื่องตนก็กังวลเช่นกัน เนื่องจากบ้านตนก็มีรอยร้าว และจะให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบบ้าน เพราะกลัวบ้านจะถล่มลง