กรณีพ่อแม่ของน้องกัปตัน วัย 5 ขวบ ออกตามหาหลังจากลูกชายหายตัวไปจากบ้าน เมื่อเวลา 12.00 น. ของวันที่ 4 พ.ค. 62 โดยมีคนพบเบาะแสว่ามีรถตู้ทะเบียนเชียงราย พาเด็กคล้ายกับน้องกัปตันนั่งอยู่ในรถด้วย จนล่าสุด เมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา เวลา 09.00 น. มีคนพบน้องกัปตันนอนอยู่ที่ห้วยกลางป่าหลังหมู่บ้าน มีรอยบาดแผลที่ตัว ในสภาพไม่สวมใส่เสื้อผ้านั้น
วันที่ 6 พ.ค. 62 ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่หมู่บ้านห้วยเม็ง อ.เชียงของ จ.เชียงราย จากนั้นเดินทางย้อนรอยพร้อมกับครอบครัวน้องกัปตัน ไปยังป่าจุดที่พบน้องกัปตัน
โดยเส้นทางที่คาดว่าน้องจะหลงเข้าไป มีได้ 2 ทาง คือ สวนป่าหลังหมู่บ้าน ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ต้องเดินผ่านสวนเงาะส้ม ผ่านลำธาร และเนินเขาชัน ซึ่งจากสภาพร่างกายของเด็ก 5 ขวบ จึงเป็นไปได้ค่อนข้างยาก
ส่วนเส้นทางที่ 2 คือ ถนนเข้าสวนเงาะส้ม โดยเส้นทางมีรถขับเข้าได้ แต่อุปสรรค์คือถนนเต็มไปด้วยหิน มีห้วยขนาดใหญ่ตัดผ่าน ระยะทางห่างจากบ้านประมาณ 3-4 กิโลเมตร จากนั้นจะสิ้นสุดทางเดินรถ จะต้องเดินเข้าไปอีก 700-800 เมตร จึงจะถึงจุดพบน้องกัปตัน
นางนวลละออง จันต๊ะคาด อายุ 41 ปี ยายของน้องกัปตัน พาทีมข่าวย้อนรอยเดินเท้าไปยังจุดที่พบน้อง ตลอดทางค่อนข้างมีอุปสรรค ทั้งความลาดชัน หิน ร่องน้ำ ห้วย ป่ารกทึบ โดยความสูงของเด็กเพียง 100 ซม. จึงยากที่จะเข้ามาได้เอง
นางนวลละออง กล่าวว่า วันที่พบน้องกัปตัน ตนเห็นหลานนอนอยู่ในสภาพไม่สวมใส่เสื้อผ้า มีบาดแผลตามตัวเป็นรอยขีดข่วน ตาขวาเป็นรอยช้ำเขียว บริเวณโดยรอบไม่พบเสื้อผ้าและรองเท้าตกอยู่ ส่วนตัวเชื่อว่าเด็ก 5 ขวบ น่าจะเข้ามาได้ยาก ตนตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะเป็นการลักพาตัวเข้ามาภายในป่า หรือถูกลวงเข้ามา ไม่คิดว่าเป็นการหลงป่า เนื่องจากนิสัยของน้องกัปตันไม่ใช่คนเข้าป่าลึก จะวิ่งเล่นอยู่แถวบ้านเท่านั้น ทั้งนี้ ตอนที่ตนเจอหลาน พบว่ามีขวดเครื่องดื่มชูกำลังใหม่ ๆ ตกอยู่ โดยพบสิ่งผิดปกติคือ หลานนอนหัวหนุนหิน ร่องน้ำมีการใช้ใบตองปูพื้นเอาไว้ ซึ่งเด็ก 5 ขวบไม่น่าจะทำเองได้
นายศุภชัย จันต๊ะคาด อายุ 37 ปี ลุงของน้องกัปตัน เปิดเผยว่า หลังจากเข้าเยี่ยมอาการของหลาน ขณะนี้ยังอยู่ในอาการหวาดผวา เรียกร้องจะอยู่กับแม่พ่อ แต่ไม่ร้องไห้ ยังไม่หลุดปากหรือเล่าเรื่องราวอะไรให้ฟัง มีเพียงบ่นว่าหิว และถามหาเสื้อผ้า ส่วนตัวตัดประเด็นที่เด็กหลงป่าเองทิ้ง เพราะหลานไม่สามารถเดินเข้ามาในป่าลึกได้ขนาดนี้ เนื่องจากไม่ใช่นิสัยของเด็ก 5 ขวบ แต่พุ่งเป้าไปที่มีคนพาไป เพราะมีบาดแผล ตัวเปื้อนโคลน แต่เท้าไม่มีรอยบาดแผล เพราะถ้าหากเด็กไม่ใส่รองเท้าแล้วเดินมาจนถึงจุดที่พบ ก็จะต้องมีบาดแผลที่เท้าด้วย ดังนั้นจึงเชื่อว่ามีการอุ้มไป ส่วนอีกประเด็นคือสิ่งลี้ลับที่ป่าแห่งนี้ ดังนั้นจึงเป็นความเชื่อที่ชาวบ้านต้องนำข้าวตอกดอกไม้มาไหว้ขอขมาหลังพบตัวหลาน
นายกิตติพงษ์ วงศ์ชัย อายุ 20 ปี ผู้พบน้องกัปตันเป็นคนแรก เล่าว่า วันดังกล่าวตนเองตั้งใจที่จะไปล่าสัตว์ดักนก บริเวณป่าเหนือลำห้วย ระหว่างที่ผ่านขึ้นไปนั้น พบน้องกัปตันนอนอยู่บริเวณร่องน้ำ นอนหัวหนุนอยู่ที่หิน ไม่สวมใส่เสื้อผ้า มีบาดแผลตามตัว คิ้วมีรอยแตก ขณะนั้นน้องยังลืมตา แต่ไม่ได้ร้องไห้ บ่นว่าหิวน้ำ จากนั้น ตนเองรีบโทรแจ้งคนในหมู่บ้าน เพราะทราบว่าเด็กคนดังกล่าวคือคนที่มีการโพสต์ตามหาในเฟซบุ๊ก ก่อนพาเด็กไปล้างตัวบริเวณลำธาร และพาส่งโรงพยาบาล แต่บริเวณจุดที่พบน้องกัปตัน ไม่พบร่องรอยการต่อสู้ หรือรอยเท้าคนอื่น แม้กระทั่งรอยเท้าของเด็ก
ทั้งนี้ ในคืนก่อนที่ตนจะไปล่าสัตว์ ฝันเห็นว่าเจอเด็กมายืนร้องไห้อยู่ในป่า จนกระทั่งเช้าวันต่อมาได้เข้าไปล่าสัตว์ ตอนที่เดินเข้าป่าตนเองได้บอกกับเพื่อนที่เดินไปด้วยว่า วันนี้จะต้องเจอเด็ก แล้วก็พบกับน้องกัปตันจริง
ทั้งนี้ โลกออนไลน์ช่วยประกาศหาน้องกัปตัน โดยมีคนพบเบาะแสเด็ก ขึ้นรถตู้รับส่งนักเรียนมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองเชียงราย ภาพวงจรปิดถ่ายภาพเด็กที่นั่งอยู่หน้ารถได้ จึงมีการโพสต์ตามล่าหารถตู้ จนกระทั่งเจ้าของรถตู้เดินทางไปที่ สภ.เมืองเชียงราย เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ว่าเด็กที่นั่งในรถไม่ใช่น้องกัปตัน แต่เป็นหลานชายวัย 8 ขวบ ซึ่งโชเชียลแชร์ป้ายทะเบียนรถ ทำให้เจ้าของรถได้รับความเสียหาย และกระทบกับรายได้
นางสาวฝน (นามสมมติ) อายุ 23 ปี ลูกสาวของคนขับรถตู้ กล่าวว่า ช่วงที่เกิดเหตุตนเองไม่ทราบว่ามีเด็กหาย จนกระทั่งมีโลกออนไลน์แชร์ภาพรถตู้ที่บ้าน โดยพ่อเป็นคนขับ และกำลังพาหลานออกไปทานข้าวนอกบ้าน จนมีการแชร์ออกไปว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักพาตัวน้องกัปตัน ครอบครัวจึงได้ไปยืนยันความบริสุทธิ์ พาหลานชายวัย 8 ขวบ ที่มีหน้าตาคล้ายกันไปแจ้งความกับตำรวจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ตำรวจได้ให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวและยืนยันความถูกต้องแล้ว
อย่างไรก็ตาม ใกล้จะเปิดเทอม ตนกลัวว่าผู้ปกครองจะขาดความเชื่อมั่น และไม่ส่งลูกหลานขึ้นรถรับส่งนักเรียนของตนเองอีก จึงได้เรียกร้องขอความเป็นธรรมกับสังคมด้วย