กรณีพ่อแม่ของน้องกัปตัน วัย 5 ขวบ ออกตามหาหลังจากลูกชายหายตัวไปจากบ้าน เมื่อเวลา 12.00 น. ของวันที่ 4 พ.ค. 62 โดยมีคนพบเบาะแสว่ามีรถตู้ทะเบียนเชียงราย พาเด็กคล้ายกับน้องกัปตันนั่งอยู่ในรถด้วย จนล่าสุด เมื่อวันที่ 5 พ.ค. เวลา 09.00 น. มีคนพบน้องกัปตันนอนอยู่ที่ห้วยกลางป่าหลังหมู่บ้าน มีรอยบาดแผลที่ตัว อยู่ในสภาพไม่สวมใส่เสื้อผ้า (อ่าน :
ส่อลักพาตัว “น้องกัปตัน” เด็ก 5 ขวบโผล่กลางป่า ญาติฟันธงหลังเจอขวดน้ำชูกำลังข้างตัว)
วันที่ 7 พ.ค. 62 ทีมข่าวเดินทางมาที่หมู่บ้านห้วยเม็ง อ.เชียงของ จ.เชียงราย นายคำสิงห์ ชนะคาด หรือ สิงห์ อายุ 49 ปี สมาชิกสภาเทศบาลตำบลเวียง กล่าวว่า หมู่บ้านได้ประชุมหารือเพื่อหาแนวทางป้องกันเหตุเด็กหายในหมู่บ้าน โดยมีมติดำเนินการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่ม 6 ตัว บริเวณแยกใหญ่หน้าโรงเรียนห้วยเม็ง และทางเข้าออกหมู่บ้าน ซึ่งกรณีเด็กหายถือว่าเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน
ทั้งนี้ กรณีการหายตัวไปของน้องกัปตัน ก่อนที่จะไปพบอยู่ที่ร่องห้วยกลางป่าหลังหมู่บ้าน ส่วนตัวได้รับฟังจากชาวบ้านในพื้นที่ในวันที่ออกตามหา โดยมีชาวบ้านเห็นเด็กเล่นน้ำอยู่บริเวณหน้าบ้าน ซึ่งเชื่อว่าการเล่นของเด็ก ต้องมีการถอดเสื้อผ้าเล่นน้ำเป็นเรื่องธรรมดา แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครเห็นว่าน้องกัปตันเดินตามใครเข้าไปภายในป่าหรือไม่
โดยเส้นทางที่คาดว่าน้องจะหลงเข้าไป มีได้ 3 ทาง คือ สวนป่าหลังหมู่บ้าน ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ต้องเดินผ่านสวนเงาะส้ม ผ่านลำธาร และเนินเขาชัน ซึ่งจากสภาพร่างกายของเด็ก 5 ขวบ จึงเป็นไปได้ค่อนข้างยาก
ส่วนเส้นทางที่ 2 คือ ถนนเข้าสวนเงาะส้ม โดยเส้นทางมีรถขับเข้าได้ แต่อุปสรรค์คือถนนเต็มไปด้วยหิน มีห้วยขนาดใหญ่ตัดผ่าน ระยะทางห่างจากบ้านประมาณ 3-4 กิโลเมตร จากนั้นจะสิ้นสุดทางเดินรถ จะต้องเดินเข้าไปอีก 700-800 เมตร จึงจะถึงจุดพบน้องกัปตัน
เส้นทางที่ 3 สามารถเดินเท้าไปตามถนนคอนกรีต ผ่านสวนของชาวบ้าน ถึงฝายเก็บน้ำ 850 เมตร แล้วเดินต่อไปอีก 350 เมตร
ด้านนายสี่ แก้วบุญทัน อายุ 26 ปี ผู้พบน้องกัปตันเป็นคนแรก ซึ่งไปพร้อมกับนายกิตติพงษ์ น้องชาย กล่าวว่า ตนเองตกใจกับข่าวที่เผยแพร่ออกไปว่าครอบครัวของน้องกัปตันจะแจ้งความเอาผิดข้อหาลักพาตัว ตนก็รีบไปหาพ่อของน้องกัปตันที่โรงพยาบาล เพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยได้มีการพูดคุยและทำความเข้าใจกันแล้ว พ่อของน้องกัปตันไม่ได้ติดใจ ซึ่งหากมีการแจ้งความดำเนินคดีจริง ตนเองก็จะรู้สึกเสียใจ เพราะเป็นผู้ไปช่วยน้อง ไม่ได้ลักพาตัว
โดยช่วงที่ไปหาพ่อน้องกัปตัน พบว่าอาการน้องเริ่มดีขึ้น สดใสร่าเริง แต่ยังไม่ได้มีการพูดคุยหรือสอบถามกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะพ่อของน้องกัปตันสั่งห้ามไว้ กลัวกระทบกับจิตใจ