ไบร์ท วชิรวิชญ์ เปิดใจครั้งแรก หลังถูกโยงเอี่ยว Forex-3D ยืนยันตัวเองก็เป็นเหยื่อ สูญเงินทั้งชีวิตของครอบครัวเกือบ 8 แสนบาท
จากกรณีที่เพจเฟซบุ๊ก รวบรวมผู้โดนโกง จาก Forex 3d ได้เผยคลิปวีดีโอของนายอภิรักษ์ โกฎธิ ผู้บริหารแชร์ลูกโซ่ Forex 3D คลิปร้องเพลงเล่นกีต้าร์ ซึ่งในคลิปดังกล่าวนั้นมีพระเอกหนุ่ม ไบร์ท วชิรวิชญ์ และได้อ้างว่ามีชื่อเป็นผู้ลงทุนใน Forex 3d อีกด้วย ล่าสุด ไบร์ท วชิรวิชญ์ ได้ออกมาเปิดใจครั้งแรกผ่านรายการวันบันเทิง ถึงกรณีที่นี้ โดยเจ้าตัวได้เผยว่า
ตอนนั้นผมอายุประมาณ 15 – 16 ครับ ช่วงนั้นผมทำรายการสตรอเบอร์รี่ครับเค้ก ซึ่งผมก็จะมีรุ่นพี่คนนึงซึ่งผมเป็นพิธีกรด้วยกันชื่อว่า “นิโก้” เป็นคนพาผมไปรู้จักกับ ‘พี่รักษ์” ซึ่งในช่วงนั้นเวลาผมทำงานเลิกดึกผมจะกลับบ้านที่นครปฐม แต่บางทีรถตู้หมด 3 ทุ่ม บางทีผมเลิกงานกลับบ้านไม่ทันก็ไปอาศัยนอนบ้านเขา ซึ่งเขาอาศัยอยู่บ้านเดียวกันก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นทำให้ผมรู้จักกับพี่รักษ์ครับ
ในคลิปตอนนั้นผม ม.4 เลยครับ แล้วจริงๆในคลิปที่เห็นนั้นเป็นวันแรกที่ได้เจอกันเลย ผมไปนอนบ้านพี่นิคครั้งแรกก็ร้องเพลงกัน อัดคลิป มันเท่านั้นเองครับวันนั้น
ในส่วนขอฟอเร็กซ์จุดเริ่มต้น ก็ต้องยอมรับว่ามันก็เริ่มจากตัวผมนี่แหละครับ ด้วยความที่ ณ ตอนนั้นทุคนที่อยู่รอบตัวผมทุกคนลงทุนตรงนี้หมด ทุกคนเล่นตรงนี้หมด และผมก็เห็นมาสักพัก ตอนแรกผมก็ไม่ได้มั่นใจแต่เราก็เห็นมาสักพักว่าทุกคนได้จริงๆ และได้กันเป็นระยะเวลานาน
แต่เราก็เห็นมาซักพักว่าทุกคนได้กันจริงๆ และได้กันไปแล้วเป็นเวลานานเป็นปีๆ เราก็รู้สึกว่ามันน่าจะโอเคนะ มันน่าเชื่อถือได้ ณ วันนั้นผมยังไม่ได้มีเงิน เงินก่อนแรกที่ผมเอามาลงผมขอแม่มาลงด้วยซ้ำ จำนวน 50,000 บาท
พอเราเริ่มลงไปปั๊บมันก็ได้จริงๆ ในวันแรกมันได้จริงๆ มันได้เรื่อยๆ เราก็รู้สึกว่ามันโอเคนะ ผมก็พยายามที่จะเก็บเงิน งานทุกชิ้นที่ผมทำ รายได้ไม่ว่าจะทางไหนก็ตาม ส่วนใหญ่ผมก็จะยัดกลับคืนเข้าไป ผมรู้สึกว่ามันคือการลงทุน เป็นการออมเพื่ออนาคต
ณ วันนั้นที่ลงทุนไปยังไม่มีชื่อเสียงแบบนี้?
ไม่มีเลยครับวันนั้น ตอนนั้นผมก็เอาเงินจากการเล่นโฆษณา แคสงาน เงินบางส่วนก็เป็นเงินเก็บของแม่ คือเรารู้สึกว่าน่าจะเป็นการลงทุนที่โอเคที่สุด เงินจากส่วนอื่นๆที่ผมมี ผมก็เอามาใส่ตรงนี้หมดเลย ตอนนั้นผมเรียกว่ามันเป็นเงินทั้งชีวิตของครอบครัวผมเลยแล้วกัน นั่นคือเงินก้อนใหญ่ก้อนเดียวที่บ้านผมมี แล้วเราก็เสียไปกับตรงนั้นทั้งหมด จำนวน 775,000 บาท เยอะมากๆ ณ วันนั้นมันคือเงินทั้งครอบครัว
ในวันนั้นมันเป็นเรื่องที่เราเครียดกันมากๆ มันถึงขนาดว่า แล้วเงินสำรองครอบครัว เงินที่เราจะต้องเอาไว้ใช้ในอนาคตมันหายไปหมดแล้ว แล้วเราต้องมานั่งนับหนึ่งใหม่ แล้วจะต้องยังไง แล้วช่วงนั้นเป็นช่วงโควิดด้วย ถ้าอะไรๆมันไม่ได้เป็นอบบทุกวันนี้ ผมน่าจะแย่มากๆ คงจะไม่รู้จะใช้ชีวิตยังไงเลย
ในช่วงแรกๆเรายังติดต่อเขาได้ ตอนที่คนยังไม่ได้มั่นใจว่ามันคือยังไงกันแน่ ผมยังติดต่อเขาได้ ผมติดต่อถามไถ่เขาตลอด เขาก็จะพูดให้เรามั่นใจตลอดว่ามันอยู่ในกระบวนการนะ มันมีปัญหานะ เราก็เชื่อสนิทใจ เขาคือพี่ที่เรารู้จัก เรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เรายิ่งอยู่ใกล้เรายิ่งไม่เห็นความจริง เรายิ่งเชื่อ ณ วันนั้นผมน่าจะเป็นคนที่มั่นใจมากๆในตัวเขาเลย ผมว่าผมน่าจะเป็นคนที่รู้ช้ามากๆ
เหมือนเรามีโอกาสได้อยู่ใกล้เขา คนอื่นมองเข้ามาอาจจะเห็นภาพรวม เห็นความจริงว่ามันคือการหลอกหลวง มันคือการฉ้อโกง แต่สำหรับผมเรารู้สึกว่าเขาแค่มีปัญหา เดี๋ยวเขาก็จัดการได้ กว่าผมจะมารู้จริงๆ ผมรู้สึกว่าคนอื่นน่าจะรู้กันไปหมดแล้ว เราเห็นนะ
แต่เราไม่เชื่อ มันคือความโลภครับ เป็นความโลภที่มันบังตา ถ้าเรามองให้ดีๆ จริงๆเราจะเห็นได้ว่ามันไม่มีการลงทุนอะไรที่มันจะให้ผลตอบแทนอะไรขนาดนั้นได้ ถ้าจะลงทุนอะไรก็อยากจะให้ลงทุนในสิ่งที่มันตรวจสอบได้ ถูกต้องตามกฎหมาย มีกฎหมายรับรองจริงๆ อย่าหลงเชื่อเลยครับ
ถ้าจะลงทุนอะไรก็อยากจะให้ลงทุนในสิ่งที่มันตรวจสอบได้ ถูกต้องตามกฎหมาย มีกฎหมายรับรองจริงๆ อย่าหลงเชื่อเลยครับไม่ว่าจะอะไรก็ตาม เป็นบทเรียนของตัวผมด้วยไม่ว่าจะดูน่าเชื่อถือขนาดไหน ไม่ว่าเขาจะเป็นใครเป็นคนใกล้ตัว แต่ถ้ามันไม่ถูกกฎหมาย ไม่ถูกตรวจสอบได้ ผมไม่อยากให้ใครต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้อีก
ผมก็คือเหยื่อที่มาลงกับเขาตรงนี้ ถามว่าชักชวนใครไหม มันไม่ได้มีการชักชวนเกิดขึ้นเลยครับ คือคนที่เล่นตามผมคือคนใกล้ตัวคนที่ผมรักทั้งนั้น คือ แม่ เพื่อนสนิท มีแต่คนใกล้ตัวจริงๆ แล้วถ้าเกิดผมรู้ว่ามันคือการฉ้อโกง การหลอกลวง ผมคงไม่มีทางปล่อยให้แม่ให้คนที่ผมรักมาเสียหายตรงนี้ด้วย
แล้วผมเองถ้ารู้ว่ามันเป็นการฉ้อโกงคงเอาเงินออกมาหมดแล้ว คงไม่ทิ้งไว้จนเงินทั้งครอบครัวผมมันเสียหายแบบนี้ มันเป็นไปไม่ได้เลยถ้าผมรู้กลไกรู้กระบวนการแล้วผมจะตัดสินใจผมจะมีแอ็คชั่นกับเรื่องนี้แบบนี้ครับ
มันเป็นการตัดสินใจของเราเอง มันคือบทเรียนครั้งสำคัญเปิดเป็นความพลาดของเรา ผมไม่ได้อยากจะไปกล่าวโทษใครเลยและมันไม่ได้มีใครชักชวน คือเราเห็นเขาทำแล้วมันได้เราก็พุ่งเข้าไปเองจริงๆ แต่ ณ วันนี้ผมพูดเลยถ้าเกิดว่าทางเจ้าหน้าที่ทางดีเอสไอหรืออะไรก็ตามอยากจะได้ข้อมูลอยากจะให้ผมเป็นพยานหรืออะไรก็ตาม ผมพร้อมให้ข้อมูลอย่างเต็มที่เลยครับวันนี้ก็คือติดต่อได้เลยครับผมไม่สบายใจเลยครับ
แบบว่าความเครียดมันไม่ได้ตกอยู่แค่ที่ผม คนรอบตัว แม่ หรืออะไรก็ตาม ทุกๆ คนเครียดมากคือเรารู้สึกว่า ณ วันนั้นเราเครียดกับผลกระทบที่มันเกิดขึ้น ณ วันนี้มีข่าวขึ้นมาอีกมันก็หนักมากๆ จริงๆ ครับ
ขอบคุณครับ ขอบคุณทุกกำลังใจ ขอบคุณคนที่เชื่อใจ ขอบคุณแฟนๆ ที่เชื่อมั่นในตัวผมครับ ผมอยากจะขอให้เหตุการณ์ครั้งนี้ให้บทเรียนที่มันเกิดขึ้นกับตัวผมครั้งนี้อยากจะให้เป็นบทเรียนสำหรับทุกๆ คนเลย ไม่อยากให้ใครต้องมาถูกหลอก ไม่อยากให้ใครต้องมาเสียหายกับเรื่องแบบนี้อีกครับ ก็อยากจะขอให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกคนครับ