“เอ๋ เชิญยิ้ม” เผยลางสังหรณ์ก่อนเกิดเหตุ หลั่งน้ำตาเป็นกู้ภัยไม่คิดต้องมาขนร่างลูกตัวเอง

เอ๋ เชิญยิ้ม เผยลางสังหรณ์ก่อนเกิดเหตุ หลั่งน้ำตาไม่คิดว่าต้องเอารถกู้ภัยมารับร่างลูกตัวเอง

จากเหตุการณ์ข่าวเศร้าที่ อาร์ม พีรพล หรือ อาร์ม เรื่องของผี ลูกชายคนโตของตลกชื่อดัง เอ๋ เชิญยิ้ม ที่เกิดอุบัติเหตุบิ๊กไบค์เสียหลัก เสยท้ายรถพ่วง 18 ล้อ ไฟลุกท่วมตัวคลอกเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เมื่อเวลา 03.00 น. ที่ผ่านมา สร้างความโศกเศร้าเสียใจให้กับครอบครัวและแฟนคลับเป็นอย่างมาก

ต่อมาเวลา 15:00 น. ทางครอบครัวได้ทำพิธีรดน้ำศพ อาร์ม พีรพล ณ ศาลา 1 วัดเซิงหวาย เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ

โดย เอ๋ เชิญยิ้ม ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่าเมื่อวานตอนค่ำไปถ่ายก็ไปถ่ายงานกับลูกมาแต่แยกกลับมาก่อน ไม่ได้พูดอะไรกันมาก

และยืนยันว่าลูกชายไม่ได้ขับแข่งกับเพื่อนแต่อย่างใด เนื่องจากรถมีเสียงดัง อาจจะทำให้เข้าใจผิด ซึ่งรถคันนี้เพิ่งจะซื้อมาเมื่อเดือนที่แล้ว 

ผมก็ไม่เคยเข้าข้างลูกเพราะรู้ว่าขับเร็ว อาจจะประมาทพอมันเป็นเรื่องการแข่งขันสังคมมองเปลี่ยนเลยแต่จริงๆเขาเป็นวัยรุ่นสร้างตัว ยอมรับว่าเขาขับรถเร็ว

คือวันนั้นผมหยุดงานแล้วอยู่บ้านเมื่อวันพุธแฟนผมทำความสะอาดบ้านอยู่แล้วก็หันไปที่หน้าประตูเห็นอาร์มเห็นมาเลือกเต็มหน้าเลย เห็นแว๊บเดียว พ่อโทรหาอาร์มที เป็นห่วงเพราะลูกต้องไปถ่ายงานที่ต่างจังหวัดด้วย

ผมก็ได้โทรหาลูกลูกรับสายเขายังไม่ตายไม่เป็นอะไรทั้งสิ้น ผมก็โล่งใจ คือผมไม่เข้าใจว่าภาพนั้นคืออะไร ก่อนเกิดเหตุวันเดียว

ผมก็ได้บอกเขาว่าอาร์มขับรถเบาๆนะลูกนะอันตราย เมื่อกี้น้าเขาเห็นภาพมันขึ้นมาหน้าประตูเป็นหน้าอาร์มนะแล้วเลือดเต็มหน้าเลย อันนี้เหมือนเป็นลางสังหรณ์ ระวังหน่อยอาจจะดวงไม่ค่อยดี

ผมจะบอกว่าลูกผมทำงานลูกเพจของเขาเป็นหมื่นๆคนเป็นพยานได้ว่าเขาทำแต่งานเขาสร้างตัวเขามีหวังเขาทำงานหาสปอนเซอร์จนเขามาบ้านจนเขามีรถ

ผมไม่ได้จะมาเข้าข้างลูกว่าลูกเป็นคนดีไม่ใช่อย่างนั้นแต่มีหลักฐานให้เห็นสร้างด้วยตนเองจริงๆผมไม่ได้ช่วยเขาเลยเงินเขาล้วนๆ เขาทำงานเขาเก็บเงินเขาอยากได้บ้านอยากได้รถ แล้วเขาก็หวังว่าเค้าจะมีบิ๊กไบค์ผมจะทำให้พ่อภูมิใจผมจะทำให้ได้

อย่างผมเนี้ยตอนแรกน้องกู้ภัยมาหลายคันพอรู้ว่าลูกตาย ผมก็เป็นกู้ภัยรู้จักเยอะ น้องกู้ภัยจะมาหลายคันจะมาช่วยกันเอาร่างใส่ขึ้นรถไป ผมเลยบอกว่ารถกูบรรทุกศพหลายๆศพมาไม่เคยรู้จักและไม่เคยเอาเงินแม้แต่บาทเดียวบรรทุกให้ฟรี วันนี้ต้องมาบรรทุกลูกตัวเอง

ผมไปถึงไปเห็นรถลูกสภารถลูกมันเหมือนเศษเหล็กโดนเผาใกล้ๆเป็นร่างคนที่ไหม้เกรี้ยมผมเห็นและผมหันหน้าหนีผมไม่อยากดู

แต่ผมก็ไปยืนดูตรงที่เขาเอาศพขึ้นรถแล้ว ผมก็ไปยืนดูตรงกระจกผมก็คิดว่าตอนที่เขาเกิดผมก็ไปยืนดูตรงกระจกแบบนี้ในห้องคลอด แต่พอวันนี้ผมก็ได้ดูเขานอกกระจกเหมือนกัน แต่ความรู้สึกโคตรแตกต่างเลย

สำหรับบรรยากาศการรดน้ำศพเต็มไปด้วยความโศกเศร้า มีญาติพี่น้อง เพื่อนฟูงที่ทราบข่าวมาร่วมงานอย่างคับคั่ง โดยจะสวดอภิธรรม 3 วันก่อน

หลังจากนั้นจะพูดคุยกับญาติๆว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ พร้อมทั้งได้ฝากแจ้งผู้ที่จะมาร่วมงานในวันต่อๆไป กรุณางดชุดสีดำมาร่วมงาน เนื่องจากเป็นความประสงค์ของผู้เสียชีวิตที่ได้เคยแจ้งไว้เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่