หนุ่มอุดรฯ แฉกลับสาเหตุ เทงานแต่ง เผยพบรักกันในวงเหล้า อยู่ด้วยกันไม่ถึง 5 วัน ถูกบีบบังคับให้ไปสู่ขอ สุดทนบังคับจำนองที่ จึงต้องหนีไปตั้งหลัก
จากกรณีสาว อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ได้ร้องสื่อมวลชนว่าถูกชายหนุ่มเทงานหมั้น มีการทำหนังสือสัญญากำหนดการสู่ขอเรียกสินสอด 50,000 บาท ทองคำหนัก 1 บาท กำหนดแต่งงานกัน เดือนกุมภาพันธ์ 2566 สุดท้ายชายหนุ่มหนีหายติดต่อไม่ได้
ล่าสุดฝ่ายชายกลับมาที่บ้านก่อนระบุว่าต้องหนีไปเพราะฝ่ายหญิงบอกให้ไปที่บ้านเพื่อพูดคุยกับแม่ กลัวโดนดุด่าที่หนีมาอยู่บ้านฝ่ายชายแต่กลับเป็นการพูดคุยเรื่องงานหมั้น หลังจากนั้นกลับมาที่บ้านฝ่ายหญิงเรียกร้องแต่เงินทองและทำร้ายร่างกาย ที่สุดบีบบังคับให้เอาที่นาไปจำนอง เอาเงินมาให้จนทนพฤติกรรมไหวต้องหนีฝ่ายหญิงไปอยู่บ้านญาติ ยืนยันจะไม่กลับไปคบหากันและครอบครัวไม่ยินยอมจ่ายเงินอะไรให้ทั้งสิ้น
วันที่ 11 ตุลาคม2565 เวลา11.00 น.ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่อบต.บ้านดุงอ.บ้านดุงจ.อุดรธานีหลังจากนัดหมายพูดคุยกับ นางสาวมด นามสมมุติ อายุ 33 ปี ชาวบ้าน อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี กรณีอ้างว่าถูก นายหนุ่ม อายุ 33 ปี ชาวบ้าน ต.บ้านดุง จ.อุดรธานี ที่คบหากันและตกลงปลงใจจะแต่งงานกันในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า แต่นายหนุ่มได้หนีหายจากบ้านไปติดต่อไม่ได้ทั้งที่มีหนังสือสัญญาอย่างชัดเจน
ในการเปิดเผยข้อมูลกับผู้สื่อข่าว นางสาวมดไม่อนุญาตให้บันทึกภาพและไม่นาน นางสาวมดอ้างว่าต้องเดินทางไปบันทึกรายการโทรทัศน์ที่กทม. ก่อนขึ้นรถยนต์ของสื่อออนไลน์ในพื้นที่ไปอย่างรวดเร็ว
นางสาวมดให้ข้อมูลว่ารู้จักกับนายหนุ่มในวงสังสรรค์กลุ่มเพื่อนเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2565 ที่ผ่านมาตนเองเพิ่งอกหักจากแฟนหนุ่มก่อนพูดคุยและถูกใจกันกับนายหนุ่มจึงย้ายเข้าบ้านฝ่ายชายแล้วตกลงปลงใจจะใช้ชีวิตคู่อยู่กันพูดคุยถึงขั้นจะแต่งงานกัน
เขาบอกเองว่าจะให้พ่อและแม่มาสู่ขอทันทีและให้ลาออกจากงานมาอยู่ช่วยงานที่บ้าน ตนจึงลาออกจากงานในห้างแห่งหนึ่งใน อ.บ้านดุง ไปอยู่กับครอบครัวเขาเลย ทำทุกอย่างล้างถ้วยล้างชาม ช่วยขายของที่ร้าน
ต่อมาวันที่ 1 ตุลาคมพ่อฝ่ายชายญาติและเพื่อนไปที่บ้านตนเพื่อตกลงกันเรื่องหมั้นหมายและกำหนดแต่งงานในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า เงินสินสอด 5 หมื่นกับทอง 1 บาททำสัญญากันอย่างดี ตกลงว่าจะจ่ายวันที่หมั้นหมาย 1 หมื่นบาทแต่พ่อฝ่ายชายเอาเงินวางไว้แค่ 2 พันบาททำให้ตกลงกันไม่ได้
จากนั้นต่างคนต่างแยกย้ายกันไปรู้สึกเสียใจและเสียหน้าอย่างมากที่ถูกกระทำเช่นนี้
ต่อมาเมื่อเวลา14.00น.ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านพบกับนายหนุ่มครอบครัวและเพื่อนของนางสาวมดเพื่อสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น นายหนุ่มเล่าว่าตนเองเคยมีครอบครัวมาแล้ว 1 ครั้ง แยกทางกับภรรยาได้เกือบ 10 ปี มีลูกชาย 1 คน ลูกชายอยู่กับแม่เขา ก่อนหน้านี้ไปบวชมา 2 เดือนเพิ่งสึกมาอยู่บ้านในช่วงก่อนเข้าพรรษาเพื่อมาทำงานช่วยที่บ้านและดูแลพ่อแม่ ไม่เคยรู้จักกับนางสาวมดมาก่อน เจอกันในวงเหล้าที่บ้านเพื่อน เราเป็นโสดพอถามเขา เขาก็บอกว่าโสด เคยมีครอบครัวมีลูก 1 คนเพิ่งเลิกกับแฟนมาคุยกันจนถูกคอก่อนพาฝ่ายหญิงมาที่บ้านตื่นเช้ามา เขาก็ออกมาหุงหาอาหา รออกมาค้าขายช่วยพ่อและแม่
“ผ่านไป 2–3 วัน เขาก็บอกว่าให้พาพ่อไปที่บ้านเพราะกลัวว่าแม่จะดุด่าว่ามาอยู่บ้านผู้ชายอยากให้ผู้ใหญ่ไปบอกกล่าวกัน แต่เมื่อไปถึงไม่เหมือนอย่างที่ตกลงไว้ กลายเป็นว่าตกลงกันเรื่องหมั้นหมายเลยเถิดถึงขั้นแต่งงาน จึงต้องยุติเรื่องราวด้วยการไม่พูดอะไรก่อนแยกย้ายกลับมาที่บ้าน
เช้าวันต่อมานางสาวมดก็ตามมาที่บ้านอีก ตนเองก็ได้แต่ทนในระยะเวลาไม่ถึง 1 สัปดาห์ที่อยู่ด้วยกัน ผมให้เงินเขาใช้วันละ 1,000บาท ไปรับจ้างไถนาได้เงินเท่าไหร่เขาก็เอาไปหมด เงินถูกหวยก็โดนยึดไปหมด เขาพูดกับผู้ใหญ่อย่างหนึ่งแต่มาพูดกับตนเองอีกแบบหนึ่ง หาเรื่องดุด่าจนถึงทำร้ายร่างกาย แต่ตนก็ไม่ตอบโต้ไม่ทำร้ายคืน”
นายหนุ่มเล่าอีกว่าจนถึงวันที่ตนทนไม่ได้คือวันที่เขาบังคับตนเอาที่นา 10 ไร่ไปจำนอง ตอนนั้นเกือบจะจำนองแล้วแต่ติดเรื่องเอกสารเขาก็ด่าว่าผมไม่มีปัญญา ตนทนไม่ไหวจึงบอกไปขอแยกกัน ถ้าเขาไม่ไปตนจะไปเอง จึงหนีไปบ้านญาติอยู่ในป่าในสวนตากหมอกจนเป็นไข้ ก่อนกลับมาที่บ้านในวันนี้ ไม่นึกว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ตนเองอยากเริ่มชีวิตใหม่ เขาเข้ามาก็เปิดใจลองคบหาแต่กลับกลายเป็นว่าถูกกระทำแบบนี้ อยากได้แต่เงินทองของตน ตอนนี้ไม่ต้องการกลับมาคบหากันอีก ทางใครก็ทางมันคงเข็ดกับผู้หญิงและความรักไปอีกสักพัก
ขณะที่ พ่อนายหนุ่ม เล่าว่าวันแรกที่เห็นนางสาวมดอยู่บ้านก็ไม่ได้คิดอะไร ก็คิดว่าเขาคงรักกันชอบกันตามประสาหนุ่มสาว เห็นเขาออกมาช่วยนึ่งข้าวตอนเช้า ก็สวัสดีทักทายช่วงอยู่ที่บ้านก็ออกมาล้างถ้วยล้างจาน ออกมาขายของช่วย พอเขาบอกให้ไปคุยกับแม่เราก็ไป เขาอ้างว่ากลัวแม่ด่าที่มาอยู่บ้านผู้ชาย เราก็ยินดีไปเพื่อทำให้มันถูกต้อง
ตอนนั้นก็เริ่มแปลกใจแล้ว พอไปถึงบ้านก็เป็นไปอย่างที่เห็น มีการพูดคุยถึงเรื่องหมั้นหมายเรื่องแต่งงาน ตอนแรกเขาเรียกเงินมา 7.5หมื่นบาท ตนบอกไม่มีขนาดนั้น มีแค่เงินผูกแขนตามประเพณี 2,000 บาท แม่เขาก็โยนเงินคืนมา ตนจึงเก็บเงินคืนมา ส่วนที่ว่าค่าสินสอด 5 หมื่นกับทอง 1 บาท นางสาวมดก็พูดเองทั้งหมด ถามลูกก็บอกจะหามาเองและต้องแปลกใจอีกครั้งก็ตอนเซ็นหนังสือสัญญา แต่ก็ต้องเซ็นไปเพราะไม่นึกว่าเรื่องจะบานปลายถึงขนาดนี้
แม่นายหนุ่มเล่าว่าเรื่องระหว่างลูกชายและนางสาวมดก็ไม่รู้เรื่องอะไรมาก มาเห็นอีกทีเขาก็มาอยู่ที่บ้านแล้ว เขามาช่วยขายของก็ให้เงินเขาวันละ 300 บาทค่ากินค่าอยู่เราก็ดูแลทั้งหมด วันที่ไปหาครอบครัวเขาแม่ไม่ได้ไปด้วยเพราะต้องเฝ้าร้านชำ จากที่ฟังมาจากพ่อเงินที่เขาเรียกมาเราก็หาให้ได้ แต่พ่อผูกแขนให้ 2,000 บาทเหมือนมัดจำไว้ก่อน
ฝ่ายนั้นกับโยนเงินกลับมา อ้างว่าเงินแค่นี้เองเขาซื้ออาหารเครื่องดื่มมางานวันนั้นยังมากกว่านี้อีก เมื่อวานนี้เขาก็พานักข่าวมาที่บ้านเขาอยากได้ค่าเสียหายอยากได้เงินสินสอดที่เรียกไปตอนนี้ไม่ยินยอมจ่ายอะไรทั้งสิ้น จะเรียกร้องอะไรก็ช่างอยากได้ก็มาทำเอาเองงานที่บ้านที่ไร่ที่นามีเยอะแยะมาทำเอาเอง