"มงคลกิตติ์" เดือดฟ้องนักการเมืองดัง-เพจ-สื่อ ใช้ถ้อยคำกระทบสิทธิส่วนบุคคล

วันที่ 19 พ.ค.62 เวลา 14.00 น. ที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร แบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เดินทางมาเข้าพบ พ.ต.ท.ปริญญา สุคันธวิภัติ รอง ผกก.สอบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์ แจ้งความดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาท และตรวจสอบถ้อยคำการโพสต์กระทบสิทธิ์ส่วนบุคคลหรือไม่ ของนักการเมืองดังฝั่งธนบุรี, เพจดัง, สำนักข่าวออนไลน์ และบุคคลต่าง ๆ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326,328 พร้อมนำหลักฐานในการโพสต์ที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงต่อพรรคไทยศรีวิไลย์และครอบครัว

นายมงคลกิตติ์ เปิดเผยว่า วันนี้ได้เข้าแจ้งความสืบเนื่องจากได้มีสื่อมวลชน เพจเฟซบุ๊ก เพจยูทูบ และทีวีช่องหลัก ออกรายงานข่าวหลังจากที่มีการนำ 11 พรรคการเมืองเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐให้การสนับสนุน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ผ่านมา 2 วัน หลังจากนั้นได้มีการโจมตีเรื่องของตนและพรรคไทยศรีวิไลย์ กระทั่งเมื่อวานนี้ (18 พ.ค.) มีกระแสข่าวว่า ตนถูกยิงที่ย่านบางบอน ส่งผลกระทบกับเพื่อนสมาชิกพรรคทั่วประเทศและครอบครัวเยอะมาก ซึ่งล้วนเป็นการปล่อยข่าวปลอม วันนี้ต้องให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีไป มีการโพสต์เฟซบุ๊กและแชร์กันต่อไปเรื่อย ๆ เป็นในเรื่องเสื่อมเสียสำหรับตนอย่างรุนแรง เกิดผลกระทบต่อตนเป็นอย่างมาก

โดยนักการเมืองชื่อดังย่านฝั่งธน ได้มีการโพสต์เฟซบุ๊ก และลงคลิป กล่าวหาตนในฐานะ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ และเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ฝ่ายรัฐบาลในอนาคต ส่งผลกระทบกับความเชื่อมั่นในการจัดตั้งรัฐบาล น่าจะเป็นการทำลายด้านการเมืองอย่างรุนแรง ไม่น่าจะเกิดขึ้นในระบบประชาธิปไตย ตนจึงนำเอกสารหลักฐานต่าง ๆ มาดำเนินคดีกับผู้กระทำดังกล่าวประมาณ 50 ราย

นายมงคลกิตติ์ กล่าวต่อว่า หลังจากนี้ต้องมีการสอบสวนต่อว่าหมิ่นประมาทมากน้อยแค่ไหน เป็นความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์หรือไม่ ไม่เช่นนั้นจะมีการกระทำผิดแบบนี้กับคนอื่นๆ อีก ตนไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นผู้แทนของคนไทย ถือเป็นการใช้สงครามด้านจิตวิทยาให้ตนเลือกหรือไม่เลือก เป็นการบีบตนทางสังคมเพื่อให้ตนถอยตัวออกจากการเข้าร่วมรัฐบาล ทั้งนี้ ตนเชื่อมั่นในการเปิดสวิตช ์ประเทศไทยเพื่อให้การจัดตั้งรัฐบาล สำหรับการแจ้งความวันนี้ในฐานความผิดมาตรา 328,326 และมาตราอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งตนถือว่าเป็นภัยต่อความมั่งคงแห่งรัฐ ตนจึงให้ดำเนินคดีกับทุกบุคคลที่เกี่ยวข้อบทั้งหมด โดยให้พนักงานสอบสวนเป็นผู้ตรวจสอบและรวบรวมในการดำเนินคดี