วันนี้ (1 ก.ค. 60) รายการคลายทุกข์ชาวบ้าน ออกอากาศทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 14.15 น. ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ชมทางบ้าน คือ
นางบังอร คำพวง หรือ อร ชาวบ้านในจังหวัดหนองคาย ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ประชาชื่น ออกหมายจับในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ชีวิต
นางบังอร เปิดเผยเรื่องราวอันโหดร้ายที่เกิดขึ้นว่า เมื่อวันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมา ตนกำลังเก็บพริกอยู่ภายในสวน เวลาประมาณ 12.00 น. ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาสอบถามว่าตนชื่อ
บังอร คำพวง หรือ อ้อย ใช่หรือไม่ พร้อมกับยื่นหมายจับให้ดู ตนก็บอกว่า ตนชื่อและนามสกุลนี้จริง แต่ตน
ชื่ออร ไม่ได้ชื่ออ้อย ทางตำรวจก็จับตนไปยังโรงพัก พร้อมบอกว่า ชื่อเล่นหรือชื่อจริงสามารถเปลี่ยนได้ แต่หมายเลขบัตรประชาชน 13 หลักตามหมายจับเป็นของตน
ต่อมาช่วงเช้าวันที่ 2 เมษายน 2560 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประชาชื่น ได้เดินทางมารับตัวไปยังกรุงเทพมหานคร เพื่อสอบปากคำอีกครั้ง ตนก็ปฏิเสธข้อกล่าวหา ทางตำรวจก็ยืนยันว่า พยานในที่เกิดเหตุบอกว่าตนเป็นคนทำ เพราะพยานจำชื่อและนามสกุลได้ ก่อนส่งสำนวนไปให้ทางอัยการ ในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ชีวิต และควบคุมตัวเอาไว้ในระหว่างที่รออัยการอ่านสำนวน ทางญาติพี่น้อง ก็ได้ไปขอกู้หนี้ยืมสินมาประกันตัว ในหลักทรัพย์ 3 แสนบาท และให้ไปรายงานตัวตามเวลานัดหมาย
ซึ่งล่าสุด เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ที่ผ่านมา ทางอัยการได้ส่งสำนวนคดีกลับมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้เปลี่ยนข้อกล่าวหาใหม่ เป็นข้อหาเจตนาฆ่าผู้อื่น และให้ส่งสำนวนมาให้อัยการอ่านอีกครั้งในวันที่ 6 ก.ค. 60 ที่จะถึงนี้
ทางอร เผยว่า เรื่องที่ถูกระบุในสำนวน เกิดขึ้น เมื่อปี 2557 เป็นเรื่องหึงหวง ที่บังอร หรืออ้อย เลิกรากับแฟนและมีแฟนใหม่ที่เป็นคนใต้ แต่ทางแฟนเก่าไม่ยอมเลิกรา และได้ขอมีอะไรด้วยเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อแลกกับการเลิกวุ่นวายกับตนจนแฟนใหม่ทนไม่ไหว จึงร่วมมือกับบังอร หรืออ้อย ฆ่าแฟนเก่า เหตุการณ์นี้มีพยานที่เห็นว่าทั้ง 3 คน นั่งกินเหล้ากันในคืนก่อนที่จะเกิดเรื่อง
โดยจริงๆแล้ว
คนที่ชื่อ บังอร คำพวง หรือ อ้อย มีตัวตนอยู่จริง เป็นญาติห่างๆของสามีตน ทางอ้อย ได้แต่งงานและเปลี่ยนนามสกุล ก่อนหน้านี้ตนไม่ได้ใช้นามสกุลดังกล่าว แต่เมื่อแต่งงานจึงเปลี่ยนมาใช้นามสกุลสามี แต่ตนก็ไม่ได้ไปยืนยันว่า อ้อย จะเป็นคนที่ลงมือก่อเหตุ หรือเป็นผู้ร้ายตัวจริง เพราะไม่มีอะไรมายืนยัน แต่คนแถวบ้านในจังหวัดหนองคาย ต่างเคยเห็นว่า อ้อย มีแฟนเป็นคนใต้ และเคยมาที่บ้านอยู่บ่อยครั้ง ทุกวันนี้ คนในหมู่บ้านก็ยังคงเห็น อ้อย อยู่ในหมู่บ้านบ่อยครั้ง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะไม่มีหลักฐานในการชี้ตัวว่าอ้อยจะเป็นคนชื่อลงมือก่อเหตุจริงๆ
จากการตรวจสอบ ทะเบียนราษฎร์พบชื่อ บังอร คำพวง ถึง 5 คน ส่วนสาเหตุที่ทางตำรวจ มั่นใจว่าเป็นตน ก็อาจเป็นเพราะว่า ตนมีอายุใกล้เคียงกับ บังอร คำพวง หรืออ้อย จึงอาจตรงกับรูปประพันสันฐานและประกอบกับข้อมูลที่ทางตำรวจได้รับมา แต่ตนและญาติๆ ก็ยังคงสงสัยว่า เมื่อตำรวจคาดว่าจะเป็นตน และตรวจสอบชื่อตนจากทะเบียนราษฎร์แล้ว
ทำไมถึงไม่เอารูปตน เพื่อให้พยานที่มีการบอกว่าอยู่ในคืนก่อนเกิดเหตุชี้ เพื่อยืนยัน ก่อนที่จะออกหมายจับ โดยอร ก็ยังเผยว่า ตอนนี้ก็กลัวที่จะต้องติดคุก เพราะตนไม่รู้ว่าจะสู้เรื่องคดีได้มากน้อยแค่ไหน
บังอร หรือ อร ขอยืนยันว่า ตนเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้เป็นคนร้ายตามที่ถูกออกหมายจับ และวันที่เกิดเหตุ ตนอยู่บ้านกับสามีและลูก ไม่เคยออกนอกพื้นที่ ครั้งล่าสุดที่เข้ากรุงเทพ ก็เมื่ออายุ 16 ปี พ
ร้อมขอความเห็นใจและขอความยุติธรรมให้กับตน เพราะตนเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา ที่ไม่ได้มีเงินมากพอที่จะสู้เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์
โดยวันนี้ 1 ก.ค. 60 ทางเจ้าตัวและญาติ ได้เดินทางเข้าพบกับ
นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ทนายความ เพื่อขอคำปรึกษา ทางทนายก็ได้ให้คำปรึกษารวมถึงแนวทางการต่อสู้ว่า เมื่อเรื่องดำเนินการไปถึงชั้นของอัยการแล้ว ก็ควรให้ทางอัยการส่งฟ้องศาลตามกระบวนการ ส่วนทางญาติและครอบครัว หลังจากนี้ค่อยหาทางสู้กันในชั้นศาลเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ จะเป็นวิธีการที่ง่ายกว่าการไปเจรจาในชั้นพนักงานสอบสวน