จากกรณีที่แฟนเพจเฟซบุ๊ก แหม่มโพธิ์ดำ ได้แชร์ภาพบาดแผลของเด็กหญิงคนหนึ่ง ซึ่งมีรอยแผลที่บริเวณท่อนล่างของร่างกายจำนวนหลาย 10 แผล ซึ่งระบุว่าถูกสุนัขจากข้างบ้านรุมกัด ทำให้สังคมออนไลน์ต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นถึงประเด็นดังกล่าวจำนวนมาก
ล่าสุด (2 ก.ค.60) ทีมข่าวเดินทางมาบ้านผู้เสียหายที่อยู่ติดกับบ้านคู่กรณี พบน้องมิ้นท์ วัย 5 ขวบ ขณะนี้น้องอยู่ระหว่างพักรักษาตัว โดยมีบาดแผลบริเวณต้นขาทั้ง 2 ข้าง และหัวไหล่ขวาด้านหลัง เป็นบาดเเผลที่ถูกสุนัขกัด ขณะนี้น้องยังคงมีอาการหวาดกลัวและบ่นว่าเจ็บแผลอยู่เป็นระยะ
ขณะที่ น.ส.เสาวนีย์ ถวิลรักษ์ อายุ 24 ปี อาของน้องมิ้นท์ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา เวลา18.10 น. ขณะนั้นหลานกำลังจะเดินออกมาหาตนที่ทำงาน ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านเพียง 50 เมตร จากนั้นตนได้ยินเสียงกรี๊ดของเด็กผู้หญิง แล้วคิดว่าเสียงเหมือนหลานสาวจึงวิ่งออกมาดู พบว่ามีคนในพื้นที่วิ่งเข้าไปช่วย ส่วนตัวตอนนั้นรู้สึกตกใจที่เห็นหลานสาวถูกสุนัขกัด
หลังจากเกิดเหตุตนได้พาหลานไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล โดยขณะไปรักษาพยาบาล แพทย์ที่ดูแล พูดว่า
"หาที่ว่างของเนื้อไม่เจอ" ซึ่งถูกเย็บไปกว่า 30 เข็ม ปกติหลานตนเป็นคนกลัวสุนัขอยู่แล้ว จะไม่เข้าไปเล่น ไปยุ่งกับสุนัขแน่นอน หลังจากรักษาแล้วหลานสาวยังมีอาการตื่นกลางดึก ผวาจากเหตุกาณ์ดังกล่าว ส่วนเรื่องค่าเสียหายตนต้องการเพียงให้คู่กรณีดูแลเรื่องค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น เรื่องค่าเยียวยาอื่นๆส่วนตัวแล้วแต่คู่กรณี โดยหลังเกิดเหตุตนเพิ่งได้รับค่ารักษาพยาบาลในวันแรกเท่านั้น
น.ส.เสาวนีย์ เผยต่อว่า หลังเกิดเหตุลุงข้างบ้านที่เป็นเจ้าของสุนัข เคยพูดกับตนว่า หากอยากได้ค่าเสียหายให้ไปฟ้องเอา ตนมองว่าฝ่ายคู่กรณีเป็นฝ่ายที่ต้องดูแล เพราะเป็นสุนัขเลี้ยงของคู่กรณี และที่น่าแปลกใจคือเมื่อวานที่ผ่านมา (1 ก.ค. 60) ลุงคู่กรณีได้เดินทางไปสถานีตำรวจเพื่อแจ้งความว่า ตนเข้าไปลักทรัพย์ขโมยทองภายในบ้าน ทำให้หมาไล่กัดหลานตน แต่สุดท้ายแล้วลุงเจ้าของหมาก็ไม่ได้แจ้งความ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า หากตรวจสอบข้อมูลไม่จริง จะถูกแจ้งข้อหาฐานแจ้งความเท็จ ทำให้ลุงเดินทางกลับไป ลูกชายเจ้าของหมา ได้ติดต่อกับตนไปตกลงเรื่องค่ารักษาพยาบาลแล้วที่ สภ.สมุทรปราการในวันพรุ่งนี้ (3 ก.ค.60) เวลา13.00น.
ทั้งนี้ น.ส.เสาวนีย์ได้นำภาพกล้องวงจรปิดให้ทีมข่าวดู ซึ่งจะเห็นวินาทีที่น้องมิ้นท์ถูกสุนัขมากกว่า 5 ตัวขย้ำ โดยจะพบมีชายไม่สวมเสื้อ คือลุงเจ้าของสุนัขอยู่ด้วยขณะเกิดเหตุ จนกระทั่งไม่นานก็มีผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งเข้ามาช่วยนำตัวน้องมิ้นท์ออกจากวงล้อมของสุนัขเหล่านั้น
ทางด้าน นางติ๋ว วิชัย อายุ 48 ปี ผู้ที่เข้าไปช่วยอุ้มตัวน้องมิ้นท์ เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ขณะเกิดเหตุตนนั่งอยู่ในบ้านและได้ยินเสียงสุนัขเห่าและมีเสียงเด็กร้องจึงออกไปดู สภาพตอนนั้นเห็นเด็กนอนอยู่ และลุงเจ้าของสุนัขนอนคว่ำทับส่วนบนของตัวเด็กหญิงไว้ เพื่อไม่ให้สุนัขกัดบริเวณใบหน้า ขณะนั้นกลุ่มสุนัขเหล่านั้นก็ยังรุมขย้ำผู้เสียหายอยู่ ส่วนตัวแล้วตนเป็นคนกลัวสุนัข แต่เมื่อถึงเหตุการณ์เช่นนั้น ตนจึงตัดสินใจเข้าไปช่วย เพราะเกรงว่าเด็กจะเป็นอันตราย ตนจึงเข้าไปอุ้มและพาตัวผู้เสียหายออกมา
ขณะที่ นางวีรนันท์ ทาสุวรรณ อายุ 27 ปี เพื่อนบ้านใกล้เคียง บอกว่า ก่อนวันเกิดเหตุสุนัขของคุณลุง ก็เพิ่งมาไล่กัดสุนัขและแมวที่บ้านตน ส่วนตัวไม่เคยไปแจ้งให้ลุงทราบ เพราะคิดว่าเป็นเพื่อนบ้านจึงไม่อยากให้มีปัญหา แต่พอมีเหตุการณ์สุนัขลุงมากัดเด็กเล็ก ส่วนตัวมองว่าลุงต้องรับผิดชอบ และอีกอย่างหลังวันที่กัดน้องมิ้นท์แล้ว เช้ารุ่งขึ้นลุงก็ยังคงปล่อยสุนัขให้มาเดินหน้าบ้าน ตนมองว่าควรดูแลสุนัขให้ดีมากกว่านี้
ส่วนด้านคู่กรณี คือนายปรัชญา จีนงาม ลูกชายลุงเจ้าของสุนัข เผยว่า เมื่อตนทราบเรื่องสุนัขบ้านตนไปกัดเด็กได้รับบาดเจ็บ ตนได้ไปดูแลบางส่วนแล้ว โดยจ่ายค่ารักษาพยาบาลในวันเย็บแผล ส่วนค่าใช้จ่ายในการรักษาอื่นๆ ตนยืนยันจะจ่ายให้ทั้งหมด เพราะส่วนตัวทราบดีว่าต้องรับผิดชอบ ในวันพรุ่งนี้ (3ก.ค.60) ตนได้นัดหมายให้คู่กรณีไปเจรจาเรื่องค่าเสียหายที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ
นายปรัชญา เผยว่า เรื่องที่พ่อตนไปพูดว่า ให้ไปฟ้องเรียกค่าเสียหายเอานั้น ตนยอมรับว่าพ่อตนพูดจริง แต่พ่อพูดเนื่องจากอารมณ์โมโห ส่วนที่พ่อจะไปแจ้งความกล่าวหาว่าคู่กรณีเข้าไปภายในบ้าน เพื่อขโมยสร้อยทองนั้น ขอชี้แจงว่าพ่อเข้าใจผิดว่าสร้อยคอหาย เนื่องจากก่อนที่จะเข้าไปช่วยน้องมิ้นท์ พ่อไปถอดสร้อยคอออกและแขวนไว้ จึงเข้าใจว่ามีคนขโมยไป