สตม.เข้าค้นบ้านนายทุนจีนรายใหญ่ ย่านลำลูกกา หลังสวมรอยบัตรประชาชนคนไทย

11 พ.ย. 65

สวมรอยบัตรประชาชนเข้าค้นบ้านนายทุนจีนรายใหญ่ ย่านลำลูกกา หลังสวมรอยบัตรประชาชนคนไทย พบมีช่องลับภายในบ้าน รถไฟฟ้าจำลอง

พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. นำกำลังตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งใน อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ของนายเซาเซียนโป อายุ 33 ปี นายทุนจีนรายใหญ่ที่พบเบาะแสว่าสวมบัตรประชาชนไทย

พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวว่าการตรวจค้นบ้านในวันนี้สืบเนื่องจากการขยายผลปิดล้อมตรวจค้นภายในอาคารบีบีดี ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กทม.ที่นายนายเซาเซียนโปเป็นผู้เช่าอาคาร และเป็นเจ้าของรถหรูที่มีการปลอมแปลงลักษณะเหมือนรถคณะทูต มีรถนำขบวนและรถติดไซเรน ซึ่งตรวจพบว่าเป็นของปลอมและยังพบเครื่องแบบทหารตำรวจภายในอาคาร

207907

ต่อมาตำรวจจึงขออำนาจศาลธัญบุรีออกหมายค้นบ้านย่านลำลูกกาตั้งแต่เมื่อวานนี้แต่ไม่ได้รับการอนุมัติหมายศาลจึงส่งตำรวจติดตามความเคลื่อนไหวบริเวณโดยรอบพื้นที่บ้านก่อนพบมีรถต้องสงสัยออกจากบ้าน เมื่อเจ้าหน้าที่ตามไปขอตรวจค้นพบว่ามีการขนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จำนวนหลายรายการซึ่งเป็นสินค้าหนีภาษีผิดกฎหมายจึงยึดเอาไว้เป็นหลักฐาน พร้อมจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย หนึ่งในนั้นเป็นบุคคลที่ไม่มีสัญชาติ

ส่วนผลการเข้าตรวจค้นบ้านวันนี้ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย ซึ่งตำรวจเผยว่ามีช่องลับภายในบ้านที่มีการขนของออกไปก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามตำรวจจะขยายผลการสอบสวนสืบสวนเกี่ยวกับการครอบครองกรรมสิทธิ์ที่ดินและบ้านเนื้อที่บ้านมีขนาดใหญ่กว่า 1 ไร่ มีอาคาร 4 หลัง พบรถไฟฟ้าจำลองตั้งอยู่ภายในบ้าน 1 ขบวน โดยทั้งหมดตำรวจจะตรวจสอบถึงการครอบครองสมาคมว่าถูกกฎหมายหรือไม่ อีกครั้งส่วนโลโก้ตราสัญลักษณ์สมาคมพ่อค้าไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ที่ติดอยู่หน้าบ้านอยู่ในระหว่างการตรวจสอบว่าได้ขออนุญาตใช้ตราสัญลักษณ์ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ทั้งนี้จากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบชื่อนายเซาเซียนโปเป็นกรรมการในสมาคมดังกล่าว โดยจากคำให้การนายเซาเซียนโปอ้างว่าเป็นที่ปรึกษาให้สมาคม

207904

นอกจากนี้ ตำรวจยังพบความเชื่อมโยงของนายเซาเซียนโปเกี่ยวข้องกับบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งเป็นบริษัทนำเข้ารถหรู และบริษัทอีกแห่งซึ่งเป็นบริษัทซื้อขายอาวุธแต่ขณะนี้ปิดไปแล้ว โดยตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่านายเซาเซียนโปมีรายได้ที่เกี่ยวข้องกับสองบริษัทนี้อย่างไร เนื่องจากมีทรัพย์สินมีมูลค่าหลายรายการในการครอบครอง

ทั้งนี้นายเซาเซียนโปได้ถูกตั้งข้อหาแจ้งข้อมูลอันเป็นเท็จในการออกเอกสารทางราชการหรือบัตรประชาชนซึ่งมีหมายจับอยู่ที่อยู่ที่ปานาเระ จ.นราธิวาส นอกจากนี้จากการตรวจสอบพบว่านายเซาเซียนโปพกพาสปอร์ต 2 สัญชาติ คือ วานูอาตูและจีน โดยถือว่าผิดปกติซึ่งก็อยู่ในระหว่างการตรวจสอบว่ามีพาสปอร์ตใดปลอมแปลงหรือไม่

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส