กลุ่มชายฉกรรจ์อ้างเป็น จนท. จับบุหรี่เถื่อน รีด 4 หมื่น เหยื่อโอนจ่าย 1.2 หมื่น ก่อนรู้ตัวฉาวย้อนกลับคืนเงิน ยึดโทรศัพท์ลบสลิป บังคับลบวงจรปิด บังคับให้ไปเสียค่าปรับ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมากลุ่มชายฉกรรจ์อย่างน้อย 6 คนได้เข้าไปที่ร้านค้าของชำขนาดย่อมแห่งหนึ่งใน อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช ก่อนไปแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจับกุมสินค้ากลุ่มบุหรี่สุราผิดกฎหมาย ได้เข้าไปแสดงตัวเพื่อทำการจับกุมเจ้าของร้านตามที่ปรากฎตามหลักฐานซึ่งเป็นภาพในกล้องวงจรปิดบางส่วนที่สามารถกู้กลับคืนมาได้ รวมทั้งมีการโอนเงินที่ระบุบัญชีปลายทางอย่างชัดเจนเป็นหลักฐานสำคัญ
โดยเจ้าของร้านรายนี้ได้เปิดเผยข้อมูลว่าขณะนี้อยู่ในสภาพหวาดกลัวอย่างมาก เนื่องจากช่วงกลางวันชายกลุ่มนี้ได้เข้าแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานหนึ่งเข้ามาเพื่อที่จะจับกุมบุหรี่ผิดกฎหมายที่จำหน่ายอยู่ในร้าน โดยเข้ามาตรวจค้นแต่ไม่ได้แสดงหมายค้นใดๆ ถือวิสาสะเข้ามาค้นบริเวณจุดเคาน์เตอร์คิดเงิน บริเวณจำหน่ายสินค้าแต่ได้บอกว่าถือเป็นการช่วยเหลือจะต้องจ่ายเงิน จำนวน 4 หมื่นบาท
ขณะที่เจ้าของร้านได้เจรจาต่อรองว่ามีเงินไม่มากพอพร้อมทั้งแสดงบัญชีให้เห็นขอจ่ายให้เพียง 1.2 หมื่นบาท ตามชื่อบัญชีที่เป็นหลักฐานซึ่งชายฉกรรจ์กลุ่มนี้ได้เดินทางกลับไปพร้อมทั้งยึดบุหรี่ไปจำนวนหนึ่ง
ต่อมาเจ้าของร้านระบุว่ารู้สึกเอะใจจึงโทรศัพท์ไปร้องเรียนยังสังกัดส่วนกลางหน่วยงานที่ชายกลุ่มนี้ระบุและร้องขอให้มีการตรวจสอบเป็นการภายใน เนื่องจากเกรงกลัวอันตรายกับตัวเองที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่หลังจากนั้นเหลือเชื่อว่าเพียงไม่เกิน 20 นาที ชายกลุ่มนี้ได้ย้อนกลับมา
หลังจากนั้นเริ่มมีการคุกคามโดยพยายามได้นำเงินจำนวน 1.2 หมื่นบาทมาคืนและกดดันให้ไม่เอาเรื่อง พร้อมทั้งยึดโทรศัพท์ของตนเองไปเพื่อค้นหาสลิปที่มีการโอนเงินแล้วลบสลิปทิ้ง บังคับให้มีการลบภาพวงจรปิดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในร้านทั้งหมด ทั้งยังพยายามบังคับให้ไปจ่ายค่าปรับ ทั้งๆ ที่ได้มีการโอนเงินให้แล้วตามคลิปที่มีการคุยกันกับญาติที่ช่วยกันทำงานในร้านถึงเรื่องนี้อย่างชัดเจน
แต่ฝ่ายที่อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ยืนยันต้องไปปรับตามผิด แต่หลังจากนั้นไม่นานมีความพยายามไปตามให้นักธุรกิจในพื้นที่รายหนึ่งมาช่วยเจรจาให้ยอมจนตนเองต้องหลบออกไปจากร้าน ชายฉกรรจ์กลุ่มนี้กลับไปเกือบเที่ยงคืนที่ผ่านมา
เช้านี้ตนเองได้กู้คืนภาพกลับมาได้เป็นบางส่วนและพยายามกู้กลับมาอีกพร้อมทั้งกู้สลิปโอนเงินที่ถูกชายกลุ่มนี้ยึดโทรศัพท์ไปลบทิ้งได้แล้ว แต่อย่างไรก็ตามตนเองและคนในครอบครัวต่างหวาดกลัวอย่างมาก
วันนี้ถึงกับต้องปิดร้านไม่กล้าออกไปไหน ซึ่งหลังจากที่กู้หลักฐานกลับมาได้ทั้งหมดแล้วจะไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.สิชล เพื่อเป็นหลักฐานและให้ดำเนินการตามกฎหมายและหากตนเองกับครอบครัวมีปัญหาหรือเกิดอะไรขึ้นนั้น มาจากเรื่องนี้แน่นอน