รู้ตัวมือบึ้มปั้มปัตตานีแล้ว ยกระดับรักษาความปลอดภัย 100 % เชื่อหวังป่วนภาพลักษณ์เอเปค ด้าน “บิ๊กป้อม” สั่งคุมเข้มไม่ประมาท
วันที่ 16 พ.ย. 65 จากกรณีที่มีคนร้ายลอบวางระเบิดปั้มน้ำมัน จำนวน 2 แห่งในพื้นที่ จ.ปัตตานี เมื่อคืนวันที่ 15 พ.ย. นั้น เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพน้อยภาคที่ 4 และรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุที่ปั้มน้ำมัน ปตท. ต.บานา ซึ่งได้รับความเสียหายหนัก โดยภายในปั้ม ปตท.มีเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดกำลังตรวจสอบความเสียหาย รวมถึงค้นหาวัตถุพยานเพิ่มเติม เช่นเดียวกับที่ปั้มน้ำมันพีที ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดก็ได้เข้าตรวจหาวัตถุพยานเช่นเดียวกัน ในเบื้องต้นพบชิ้นส่วนระเบิดจำนวนหนึ่ง และปลอกกระสุนปืนกระจายไปทั่วบริเวณ จึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน พร้อมได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพขณะที่คนร้ายก่อเหตุได้ชัดเจน ซึ่งหลักฐานทั้งหมดถือว่าเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี นอกจากนี้ชุดปฏิบัติการณ์ร่วมได้เข้าทำการปิดล้อมตรวจค้นในพื้นที่เป้าหมายในพื้นที่ อ.เมือง และ อ.ปะนาเระ ซึ่งผลการปฏิบัติไม่พบบุคคลต้องสงสัย คาดว่าน่าจะไหวตัวทันหลบหนีไปก่อนหน้านี้แล้ว สำหรับกลุ่มที่ก่อเหตุนั้น ชุดสืบสวนสอบสวนคดีความมั่นคง ระบุว่า เหตุที่เกิดขึ้นครั้งนี้แบ่งเป็น 2 กลุ่ม และทราบตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุแล้ว
พล.ต.ปราโมทย์ กล่าวว่า แม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งการชุดเฉพาะกิจในพื้นที่เข้ามาควบคุมที่เกิดเหตุทั้ง 2 จุด และให้ยกระดับรักษาความปลอดภัย 100 % ซึ่งเป็นมาตรการที่สอดคล้องกับการเตรียมการประชุมเอเปค และวันนี้ทางเจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด และพิสูจน์หลักฐานก็ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุทั้ง 2 จุด เพื่อเก็บวัตถุพยานต่างๆ เพื่อนำมาประกอบขยายผล หาผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี ที่ผ่านมาสิ่งที่เป็นความพยายามของคนร้ายมาโดยตลอด ก็คือในเรื่องของการทำลายภาพลักษณ์ของเศรษฐกิจที่จะนำไปสู่การขาดความเชื่อมั่น
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ปัจจัยของคนร้ายในการก่อเหตุ คือเขายังคงไม่ละความพยายามที่จะสร้างความเดือดร้อนด้วยการสร้างสถานการณ์ต่อเนื่อง นอกจากการทำลายความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจแล้ว คนร้ายยังมุ่งทำลายความเชื่อมั่นของรัฐบาล และช่วงนี้ก็ใกล้ประชุมเอเปค อาจจะมีส่วนที่คนร้ายก่อเหตุเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาล อยากจาะฝากไปยังประชาชน อยากให้จำภาพของคนร้ายที่ก่อเหตุ ว่าทุกครั้งที่ก่อเหตุมักจะสร้างความเดือดร้อน ทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนมาโดยตลอด ฉะนั้นเมื่อเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฏหมายก็อยากให้ประชาชนเข้าใจเจ้าหน้าที่ เพราะเจ้าหน้าที่มีความจำเป็น สำหรับกลุ่มต่างๆที่ออกมาบอกว่าจะไม่สร้างสถานการณ์ความรุนแรง ก็มีหลายกลุ่ม แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่วางใจ เพราะที่ผ่านมีการประกาศลักษณะนี้มาตลอด มีทั้งของจริงของปลอม” พล.ต.ปราโมทย์ กล่าว
ด้านพล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการกอ.รมน.ภาค 4 (ส่วนหน้า) และหน่วยงานความมั่นคง ขยายผลสืบสวนติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุระเบิดป่วนปั้มน้ำมัน 2 จุด ที่จ.ปัตตานี พร้อมเน้นย้ำขอให้หน่วยงานข่าวและหน่วยงานความมั่นคง เฝ้าระวังป้องกัน ไม่ประมาทจากการก่อเหตุทั้งในและนอกพื้นที่ที่อาจเกิดขึ้น โดยให้ยกระดับความเข้มข้น ตื่นตัวเฝ้าระวังและตรวจสอบติดตามความเชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมายทั้งในและนอกพื้นที่ โดยเฉพาะการเชื่อมโยงข้อมูลกับเทคโนโลยีเฝ้าตรวจ เพื่อปฏิบัติการป้องกันเชิงรุกและสามารถปฏิบัติการแก้ปัญหาต่อเหตุการณ์และเป้าหมายได้รวดเร็วทันต่อสถานการณ์
พล.อ.คงชีพ กล่าวยอมรับว่า เหตุป่วนความรุนแรงที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และไม่ว่าจะที่ใดหากเกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศและคนไทยทุกคน ขณะที่เรากำลังสร้างความเชื่อมั่นศักยภาพของประเทศกับนานาประเทศ และร่วมกันทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพที่ดีให้การต้อนรับผู้นำประเทศต่างๆและคณะ ระหว่างการประชุม APEC จึงขอความร่วมมือจากคนไทยทุกคน ร่วมกันเป็นหูเป็นตา เฝ้าระวัง หากพบเบาะแสหรือสิ่งผิดปกติ ขอให้แจ้งเตือนกันและแจ้งเหตุกับเจ้าหน้าที่ทันที ผ่านหมายเลข 191 และ 1599 ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ความมั่นคงจากทุกหน่วยงาน จะร่วมกันทำหน้าที่ให้ดีที่สุด