สุริยะ ผนึก เมติ ดึงนักลงทุนข้ามชาติ ยกระดับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี

17 พ.ย. 65

สุริยะ ผนึก เมติ ดึงนักลงทุนข้ามชาติ ยกระดับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ปั้นบุคลากรเทคโนโลยีดิจิทัล เสริมสมรรถนะเศรษฐกิจไทย

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม (Ministry of Economy, Trade and Industry, METI) ได้ร่วมมือกันในด้านการพัฒนาและยกระดับภาคอุตสาหกรรมของทั้งสองประเทศมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ได้ร่วมประชุมกับ นายนิชิมุระ ยาสึโทชิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม (METI) ประเทศญี่ปุ่น ผ่านการหารือเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินงานด้านการส่งเสริมภาคอุตสาหกรรม และกำหนดแนวทางการดำเนินงานความร่วมมือในอนาคต ระหว่างการประชุมเอเปค 2022 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ

โดยการประชุมครั้งนี้มุ่งส่งเสริมภาคอุตสาหกรรม พร้อมกำหนดความร่วมมือในอนาคต ภายใต้กรอบการทำงาน Cooperation Framework on Human Resource Development for Realizing Industry 4.0 ผ่าน 3 ประเด็นหลัก ประกอบด้วย

  1. แนวทางการร่วมกันพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีดิจิทัลให้แก่บุคลากร ในภาคอุตสาหกรรม

  2. การขับเคลื่อนนโยบาย BCG ในสาขาอุตสาหกรรมเป้าหมาย

  3. การเสริมสร้าง ความเข้มแข็งให้กับห่วงโซ่อุปทานผ่านแนวคิดการร่วมสร้าง (Co-creation) และการพัฒนาความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนไทยและญี่ปุ่น

“การแลกเปลี่ยนกรอบความร่วมมือครั้งนี้ จะเป็นการสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมไทย มุ่งเน้นการสร้างโอกาสด้านการค้าและการลงทุน ตลอดจนโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ ๆ ผ่านการถอดบทเรียนหลังการระบาดของโรคโควิด-19 รวมทั้งสอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว หรือ Bio-Circular-Green Economy : BCG Model ของไทย ” นายสุริยะ กล่าว

นายสุริยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมา กระทรวงอุตสาหกรรม และ METI ร่วมกันยกระดับภาคอุตสาหกรรมสู่ Thailand 4.0 อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งการใช้เทคโนโลยีเข้ามายกระดับภาคการผลิตตามเป้าประสงค์ต่างๆ อาทิ โครงการ Lean Automation and System Integrators (LASI) และการใช้วิธีการแก้ปัญหาด้วยความคิดสร้างสรรค์ หรือ โมโนซึกุริ ที่ใช้พลังกลที่มีอยู่ในธรรมชาติแก้ปัญหาซึ่งสามารถลดต้นทุนค่าพลังงาน

ทั้งยังเป็นการเสริมสร้างความเป็นอันหนึ่งเดียวกัน โดยกรอบการทำงานที่ทั้งสองกระทรวง ได้มีการแลกเปลี่ยนกันไปเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2565 และจะได้รับการยกระดับไปอีกขั้น โดยเฉพาะในด้านการสร้างบุคลากรเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมด้วยการแลกเปลี่ยนกรอบความร่วมมือในวันนี้ ยิ่งไปกว่านั้นภายใต้กรอบความร่วมมือดังกล่าว ยังมุ่งเน้นให้เกิดการพัฒนาระบบการขึ้นทะเบียนที่ปรึกษาเพื่อรองรับบุคลากรที่ได้รับการพัฒนาทักษะ 

และองค์ความรู้จากโครงการต่าง ๆ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้าน Digitalization เพื่อตอบสนองต่อเป้าหมาย การสร้าง System Integrator เพื่อยกระดับภาคการผลิตเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 ให้ประเทศไทยเป็นผู้นำ การผลิตและใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติของอาเซียน 

นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมยังมีความร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่นในด้านอื่น ๆ อีกด้วย อาทิ การดำเนินงานโครงการการจัดตั้งศูนย์ต้นแบบการจัดการซากยานยนต์แบบครบวงจรในประเทศไทย (End-of-life Vehicles in Thailand : ELV Project) ซึ่งจะช่วยในเรื่องของการกำจัดขยะรถยนต์ที่จะเกิดขึ้น เป็นจำนวนมากในประเทศไทย และโครงการศึกษาแนวทางในการพัฒนา “นิคมอุตสาหกรรมที่มุ่งสู่ ความเป็นกลางทางคาร์บอน” ในพื้นที่มาบตาพุด (Carbon Neutral Industrial Estate Project at Map
Ta Phut Industrial Estate)

ซึ่งการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้มีการลงนาม MOC ร่วมกับหน่วยงานเครือข่ายจากไทยและญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 และได้รับการสนับสนุนจาก METI ในการศึกษาความเป็นไปได้ในการผลิตพลังงานไฮโดรเจนด้วยพลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาดที่หลากหลาย

ทั้งนี้ แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด – 19 กระทบต่อการลงทุนภาคอุตสาหกรรมไทยและทั่วโลก แต่ญี่ปุ่นยังคงเป็นคู่ค้าทางเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย โดยจากข้อมูลสถิติการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศรายเดือนสะสมเดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคมปี 2565 ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)

พบว่าโครงการต่างชาติที่ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุน มีจำนวน 198 โครงการ เงินลงทุน 77,290 ล้านบาท ส่วนใหญ่อยู่ในหมวดบริการและสาธารณูปโภค รองลงมาเป็นหมวดผลิตภัณฑ์โลหะเครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง เฉพาะญี่ปุ่น มีจำนวน 45 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวมกว่า 13,788 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 23 ของโครงการลงทุนจากต่างประเทศทั้งหมด นายสุริยะ กล่าวทิ้งท้าย

นายนิชิมุระ ยาสึโทชิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม (METI) ได้เปิดเผยว่า METI ได้ตัดสินใจที่จะให้การสนับสนุนการลงทุนในประเทศไทยเพื่อขยายฐานการผลิต ของบริษัทญี่ปุ่น โดยในปัจจุบันบริษัทญี่ปุ่นรายใหญ่หลายรายต่างมีแผนการขยายฐานการผลิตมายังประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นบริษัท โซนี่กรุปคอร์ปอเรชัน ที่ต้องการขยายโรงงานการผลิตเซมิคอนดัคเตอร์ บริษัท เอจีซี ที่มีแผนการลงทุนในไทยเพิ่มขึ้นอีก 1 แสนล้านเยน และบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชัน ที่มีการลงนาม MOU กับภาครัฐของไทยในด้านการผลิต EV.

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม