แม่ของเด็กหญิงวัย 12 ปี ร้องสื่อขอความเป็นธรรม ลูกถูกรถชนจนต้องถูกตัดขา 1 ข้าง คู่กรณีขอเยียวยาแค่ 5 หมื่นบาท ด้านตำรวจชี้อาจเข้าข่ายประมาทร่วม
ผู้สื่อข่าวติดตามกรณีแม่ของเด็กหญิงวัย 12 ปี ร้องขอความเป็นธรรมหลังเกิดอุบัติเหตุรถกระบะชนกับมอเตอร์ไซค์ที่บริเวณหน้าโรงเรียนบ้านทรายทอง ม.7 ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย จนลูกสาววัย 12 ปี ซึ่งเป็นผู้ขับขี่ต้องถูกตัดขา 1 ข้าง เหตุเกิดเวลาประมาณ 16.00 น.วันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา แต่ไร้เงาคู่กรณีมาเยี่ยมเยือนหรือแสดงความรับผิดชอบ ล่าสุดขอชดใช้ในชั้นศาล 50,000 บาท ส่วนคนซ้อนท้ายที่บาดเจ็บจ่ายแค่ 30,000 บาท ด้านตำรวจชี้อาจเข้าข่ายประมาทร่วม
น.ส.มาลี (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี เล่าว่าเมื่อช่วงเย็นวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา ลูกสาวคือ ด.ญ.เอ (นามสมมุติ) ได้ออกไปรับเพื่อนคือ ด.ญ.บี (นามสมมุติ) อายุ 11 ปี เพื่อจะชวนกันไปเก็บดอกไม้ในโรงเรียนสำหรับใช้ในกิจกรรมวันไหว้ครู แต่ขณะที่ขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกจากโรงเรียนเพื่อข้ามถนนไปยังอีกฝั่ง ได้มีรถกระบะทางตรงขับขี่มาจากทาง อ.เทิง มุ่งหน้าจะไปทาง อ.เวียงแก่น ได้ขับชนเข้ากับรถมอเตอร์ไซค์ของลูกสาวที่ขับข้ามเส้นเหลืองกลางถนนไปอยู่อีกฝั่งแล้ว แต่รถกระบะก็ข้ามเลนถนนมาชนรถลูกสาวและลากไกลประมาณ 20 เมตร ผลปรากฏว่าลูกสาวกระดูกขาแตกกว่าที่ทาง รพ.เวียงแก่น จะส่งตัวไปรักษาที่ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ ก็ใช้เวลานานหลายชั่วโมงจนกล้ามเนื้อตาย หมอตัดสินใจตัดขาข้างขวาเพื่อไม่ให้บาดแผลติดเชื้อลุกลาม ส่วนเพื่อนที่ไปด้วยกันก็กระดูกขาหักแต่สามารถผ่าตัดดามเหล็ก ปัจจุบันสามารถกลับมาเดินได้แล้ว ตลอดเวลาการรักษาคู่กรณีไม่เคยมาเยี่ยมเยือนสอบถามอาการหรือแสดงความเห็นใจ
ล่าสุดในกระบวนการในชั้นศาลทางคู่กรณีได้นำเงินมาวางที่ศาลเพื่อเป็นค่าเยียวยาผู้บาดเจ็บจำนวน 80,000 บาท โดยจ่ายให้ด.ญ.เอ จำนวน 50,000 บาทและจ่ายให้ ด.ญ.บี จำนวน 30,000 บาท ซึ่งตนเห็นว่าเป็นค่าชดเชยที่น้อยเกินไปเพราะลูกสาวยังมีอนาคตอีกไกลแต่ต้องมาสะดุดเพราะอุบัติเหตุ โดยทางศาลจะนัดคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายมาสืบพยานอีกครั้งในวันที่ 3 ม.ค.66
มารดาของ ด.ญ.เอ เผยอีกว่าลูกสาวเคยเป็นเด็กที่สดใสร่าเริง แต่หลังจากเกิดอุบัติเหตุจนต้องตัดขาก็กลายเป็นคนเก็บตัวมีอาการซึมเศร้าไม่กล้าไปโรงเรียนเพราะอายเพื่อน จากที่ตอนเด็กๆ ลูกสาวเคยฝันว่าอยากจะเป็นครู เป็นพยาบาล หรือนักธุรกิจ แต่ตอนนี้ลูกสาวบอกว่าอยากเป็นทนายเพื่อจะได้ช่วยเหลือคนที่ต้องเจอเหตุการณ์เหมือนกับตัวเอง เพราะทั้งตัวแม่และลูกสาวต่างเห็นว่ายังไม่ได้รับความเป็นธรรมเท่าที่ควร
อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามผู้เกี่ยวข้องในการทำคดีต่างก็มีความเห็นว่าคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายอาจเข้าข่ายประมาทร่วม เพราะฝั่งผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ขับขี่รถออกจากทางร่วมทางแยกในระยะกระชั้นชิด ส่วนฝ่ายผู้ขับขี่รถกระบะก็ขับขี่ด้วยความเร็วซึ่งบริเวณที่เกิดเหตุเป็นเขตโรงเรียนมีป้ายและสัญลักษณ์จำกัดความเร็วอย่างชัดเจน