จากกรณีที่ นายบัวพา พูนไธสง อายุ 66 ปี ตกเป็นผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนยิงนายมน แสนประเสริฐ เสียชีวิตในงานแต่งงานของเพื่อนบ้านในตำบลช่อผกา อำเภอชำนิ จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อปี 2540 ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 มิ.ย.2560 คดีได้หมดอายุความลงตามกฎหมาย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถนำตัวนายบัวพา ที่ถูกออกหมายจับ มาส่งศาลได้ทันเวลาเที่ยงคืน ในวันหมดอายุความ ศาลจึงได้จำหน่ายคดีออกจากระบบ ตามกฎหมายถือว่านายบัวพา พ้นมลทินไม่ต้องรับโทษแล้วตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น (
อ่านข่าว : มือปืนหนีคดี 20 ปี วอนขอความเป็นธรรม หลังสิ้นสุดคดี ขอให้จบๆกันไป)
ล่าสุด 3 กรกฎาคม 2560 นายสมคิด แสนประเสริฐ ลูกชายนายมน แสนประเสริฐ ผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตั้งแต่เกิดเรื่องปี 2540 ตนและครอบครัวติดตามเรื่องมาโดยตลอด เมื่อไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ได้รับคำตอบว่าให้ร้องที่ยุติธรรมจังหวัด แต่เจ้าหน้าที่ให้ไปร้องที่กระทรวงยุติธรรมที่กรุงเทพฯ ส่วนตัวสงสัยในการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ในคดีนี้ เนื่องจากเมื่อปี 2557 เคยจับผู้ก่อเหตุได้ แต่ก็ถูกให้ประกันตัว โดยตนก็ไม่เคยถูกเรียกไปสอบปากคำเพิ่มเติม จนกระทั่งมาทราบว่าผู้ก่อเหตุได้รับการให้ประกันตัวแล้ว
นายสมคิด ระบุว่าที่ออกมาร้องสื่อมวลชนให้วันนี้ เพียงต้องการเรียกร้องความยุติธรรมให้กับพ่อ ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยได้รับค่าเสียหายแม้แต่บาทเดียว ต้องนำที่ดินไปจำนองระหว่างสู้คดี สูญเงินไปกว่า 3 แสนบาท ตอนนี้เมื่อคดีหมดอายุความส่วนตัวรู้สึกเสียใจ อ่อนล้า ไม่รู้จะทำเช่น ซึ่งพ่อตนก็เสียชีวิตไปกว่า 20ปี แต่คนผิดไม่เคยถูกลงโทษ
ส่วนที่นายบัวพา อดีตผู้ต้องหา ให้สัมภาษณ์สื่อว่าตลอด 20 ปี นายบัวพานั้นทุกข์ทรมานแล้ว ขอให้เข้าใจและหยุดจองเวรนั้น นายสมคิด ระบุว่า ตนและครอบครัวที่เป็นฝ่ายทุกข์ทรมาน โดยพ่อเป็นเสาหลักของครอบครัว ต้องดูแลลูกถึง 5 คน นายบัวพา เป็นผู้ก่อเหตุ เป็นผู้ลงมือกระทำจะทรมานเท่าตนที่เป็นผู้สูญเสียได้อย่างไร
ด้านนายประสาทพร เข็มเข้ม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 บ้านหัวสะพาน ผู้ให้ความช่วยเหลือเรื่องการดำเนินเรื่องคดีความมาตลอด 20ปี ซึ่งหลังนายบัวพา ก่อเหตุเมื่อปี 2540 ตนได้หลบหนีไปเพราะมีคดีความติดตัวเรื่องค้าไม้เถื่อน ก่อนถูกจับกุมตัวเมื่อปี2557 แต่ได้รับการประกันตัว จนกระทั่งสำนวนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ปรากฏสำนวนจับตัวผู้ต้องหาในคดีนี้ได้ถึง 2คน โดยการนำสำนวนไปรวมกับคดีค้าไม้ด้วย นายบัวพาเป็นจำเลยที่ 2 ทั้งนี้ศาลพิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 1 ทำให้อัยการไม่สั่งฟ้องจำเลยที่ 2 ซึ่งก็เป็นที่แปลกใจ หลังจากนั้นตนก็พยายามติดต่อ
ซึ่งตนยืนยันว่า มีผู้เห็นนายบัวพาก่อเหตุจำนวนมาก เนื่องจากเหตุเกิดในงานแต่งงาน แต่เมื่อตอนนี้คดีหมดอายุความส่วนตัวก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ซึ่งตนก็เคารพในศาลและกฎหมาย
นอกจากนี้นางสง่า แสนประเสริฐ ภรรยาผู้เสียชีวิต ยังคงอยู่ในอาการเศร้าเสียใจ เล่าว่า ภายหลังคดีหมดอายุความชาวบ้านมาบอกกับตนว่า ผู้ก่อเหตุมีการพูดคล้ายว่า ฆ่าคนแล้วไม่ติดคุก ไม่มีใครทำอะไรเขาได้ รวมทั้งบอกจะมาฟ้องตนกลับ ฐานที่ไปใส่ร้ายผู้ก่อเหตุ ส่วนตัวยังรู้สึกโกรธ เสียใจและอยากให้คนผิดรับโทษ เพราะยิ่งตอนนี้ทราบว่าผู้ก่อเหตุกลับมาที่บ้าน ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ถ้าเป็นไปได้อยากให้นายบัวพาได้รับโทษที่ทำลงไป
นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เผยว่า ส่วนตัวเรื่องอายุความของคดีความต้องทำใจและเคารพในกฎหมาย แต่ส่วนอื่นที่ฝ่ายอดีตผู้ต้องหามีการข่มขู่ คุกคาม ลักษณะคล้ายว่าผู้ก่อเหตุพูดกับชาวบ้านประมาณว่า ฆ่าคนตายแล้วไม่ถูกจับ ใครทำอะไรไม่ได้ ตนมองว่าเป็นภัย โดยนำเรื่องเรียนไปยัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เพื่อให้มีการตรวจสอบ อยากให้มีการตั้งกรรมการสอบผู้เกี่ยวข้องในการดำเนินคดีทั้งหมด เนื่องจากสำนวนมีความน่าสงสัยคล้ายว่าพนักงานสอบสวนมีการนำเรื่องคดีค้าไม้มารวมกันเพื่อก่อให้เกิดความสับสนหรือไม่ จึงอยากให้มีการตรวจสอบเพื่อหาคำตอบให้กับกรณีนี้