จากกรณีที่เพจ แหม่มโพธิ์ดำ ได้แชร์คลิปกล้องวงจรปิดจากบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง พบว่า มีสุนัขพันธุ์ไซบีเรียน นั่งบริเวณถนน มีรถจักรยานยนต์จอดอยู่ ขณะนั้นรถกระบะได้ขับมาอย่างเร็วและทับเข้าที่ตัวสุนัขแบบไม่ทันตั้งตัว จนลงไปดิ้นอย่างทุรนทุราย
ทางทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร เปิดเผยว่า ถนนไม่ใช่ที่ให้หมามานั่งเล่น ตนเองก็เลี้ยงสุนัขเหมือนกันไม่ใช่ว่าจะไม่เข้าใจความรู้สึกถึงความรักที่มีระหว่างกัน แต่กฎหมายก็ต้องว่าตามกฎหมาย ซึ่งจะเห็นว่ากฎหมายเองก็กำชับเจ้าจองสุนัขไม่ให้ปล่อยหมาออกมาเดินบนถนนโดยไม่มีคนมาดูแล เมื่อเหตุเกิดจากความประมาทของเจ้าของเองจะมาโทษผู้ขับขี่ฝ่ายเดียวไม่ได้ เพราะถือว่าเจ้าของสุนัขก็มีส่วนร่วมในการประมาทด้วย
ล่าุสด 5 กรกฎาคม 2560
รินรดา ธนูศร หรือ พลอย เจ้าของสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้ เปิดเผยว่า สุนัขของตน ชื่อว่า "น้องเจ๊าะแจ๊ะ" เลี้ยงมาได้ 2 ปี 2 เดือน เหตุเกิดวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา เวลา 20.00 น. ขณะนั้นตนไปซื้อข้าว สุนัขก็ออกมานั่ง แต่วันนั้นไม่ได้ไปด้วย แต่เห็นน้องหมาไปนั่งบริเวณเกิดเหตุ อยู่ดีๆรถกระบะก็ขับมาชน หากดูจากคลิปก็ไม่มีการแตะเบรก เหมือนเจตนาจะชนหมา ตนรู้จักกับคู่กรณี หลังเกิดเหตุไม่มีแม้กระทั่งคำขอโทษ สำหรับคลิปน้องที่เห็นเหตุการณ์ได้ถ่ายไว้ ตอนที่ตนกำลังจะไปแจ้งความ ได้ขับรถเจอคู่กรณีที่พูดว่า
“แล้วใครให้หมามึง ไปนั่งอยู่กลางถนนล่ะ” ถ้าคนเรามีจิตสำนึกคำพูดแบบนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น และก็ไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อน
นอกจากนี้ รินรดา กล่าวต่อว่า ลุงเคยก่อเหตุกับหมาตัวอื่น ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนานแล้ว ก่อนที่จะขับรถไปต่อแบบหน้าตาเฉย อีกเหตุคนเห็นเหตุการณ์เล่าว่า มีหมาไปนอนหน้าบ้านเขา เขาก็ใช้ไม้ตี จนหมาได้รับบาดเจ็บ
ส่วนภาพจากกล้องวงจรปิดตนได้ขอจากร้านสะดวกซื้อ และร้านใกล้เคียง หลังเกิดเหตุได้ลงบันทึกประจำวันไว้ จากนั้นตำรวจได้เรียกตัวลุงไปคุย พูดทำนองว่าเอาผิดไม่ได้ บอกไม่เจตนา ไม่ได้ตั้งใจ ส่วนความเร็วของรถที่ขับ ตำรวจบอกในเขตเทศบาลสามารถใช้ความเร็วได้ 90 ชั่วโมง/กม. ตนก็แย้งว่าในเขตชุมชนไม่น่าจะใช้ความเร็วได้ขนาดนั้น
พร้อมกันนี้ รินรดา เปิดใจว่า ตนรับสุนัขมาเลี้ยงเหมือนเป็นคนในครอบครัว โดยปกติแล้ว สุนัขจะนั่งในร้านผลไม้ด้วยจะไม่ออกมาด้านนอก ดูจากคลิปแล้วลุงคนก่อเหตุจงใจ ไม่รู้จักคำว่ารับผิดชอบ และไม่มีจิตสำนึก ส่วนคำอยากให้ชดใช้อะไรหรือไม่ ตนตอบไม่ได้ อยากถามหลายคนว่าอยากให้เขาชดใช้อย่างไร
ขณะที่ นายสูงสรร ปิ่นป่าสักทองคำ ผู้ขับรถกระบะทับสุนัข เล่าว่า วันเกิดเหตุเวลา 20.00 น. จะไปออกกำลังกายตามปกติ และขับรถด้วยความเร็วประมาณ 20 กม./ชม. พอเห็นว่าหมดรถก็เร่งเครื่อง ตอนนั้นมีเสียงกึกกัก ไม่ได้คิดอะไรและคิดว่าผิวถนนขรุขระ เมื่อถึงจุดออกกำลังกาย ก็จอดรถห่างประมาณ 60-70 เมตร ออกกำลังกายเสร็จก็กลับ จากนั้นมีหญิงสาววัยรุ่น 2 คน มาด่าตนและเกิดโต้เถียง ก่อนหญิงคนดังกล่าวพยายามเข้ามาหาใกล้ๆ ตนก็ใช้มือค้ำคอไว้ แล้วเดินออกห่างพร้อมบอกว่าอย่าเข้ามาใกล้ ตอนนั้นก็คุยกันไม่รู้เรื่อง กระทั่งตนได้แนะให้ไปแจ้งความ จังหวะนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจผ่านมาและเข้ามาสอบถาม ตนจึงให้เบอร์ไว้
ส่วนเรื่องคลิปวีดีโอตนไม่ทราบว่ามีคนถ่ายไว้ จากนั้น 2-3 วันหลังเกิดเหตุ ตำรวจเรียกเข้าพบเพื่อให้ชี้แจง ตนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเหยียบหมา ยืนยันว่าความเร็วใช้ประมาณ 20 กม./ชั่วโมง ตนขับช้า ตอนที่คู่กรณีเข้ามาด่าตนยังคิดว่าเหยียบลูกหมา ทางคู่กรณีบอกว่ามีกล้องถ่ายไว้ ตนก็บอกว่าก็ดี เพราะจะได้รู้ว่าตนขับรถเร็วหรือไม่ ภายหลังถูกเรียกให้ไปเจรจา ตนปฏิเสธที่จะเข้าไปเจรจา เพราะถูกด่าไปแล้ว อยากให้คู่กรณีนำเรื่องไปสู่ศาลเลย เพราะตน
ขอสู้เพื่อคน ไม่ได้สู้เพื่อหมา มีหลายกรณีคนพิการก็เพราะหมา และตายเพราะหมามาเยอะ หากคู่กรณีเรียกเป็นร้อยเป็นพันล้าน ตนถือว่าเขาเป็นคนถือโอกาส เพราะตอนแรกเขาไม่ได้พูดว่าขอให้ช่วยเหลือเพราะหมาน่าสงสารเลย ตนจะได้เรียกร้องต่อศาลขอความเห็นใจจากศาลเพื่อคน หากศาลปรับทางคู่กรณีว่าปล่อยปละละเลยหมา 20,000 บาท ตนจะสมทบให้อีก 20,000 บาทเพื่อดูแลเกี่ยวกับหมาและสุนัข เพื่อที่จะได้เป็นคดีตัวอย่าง ซึ่งเขาด่าเละแล้วค่อยมาคุย
ส่วน พ.ต.ท.อิสระ ศรีคุ้ม รองผู้กำกับการ สอบสวน สภ.แก่งคอย เปิดเผยว่า ทางเจ้าของสุนัขได้ลงบันทึกประจำวันไว้ ที่สภ.แก่งคอย โดยได้เรียกเจ้าของสุนัขและพยานที่เห็นเหตุการณ์มาให้ข้อมูลแล้ว และจะมีการเรียกนายสูงสรรค มาให้ปากคำอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม คดีนี้ เบื้องต้นพฤติการณ์เจ้าของรถ อาจเข้าข่ายมีความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ฐานขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย