เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 66 เพจ "บ้านดุง อัปเดต" ได้โพสต์เล่าเรื่องราวขอความช่วยเหลือจากนางนก (นามสมมติ) หญิงวัย 38 ปี ชาวบ้าน ต.ทุ่งใหญ่ อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี ว่าเมื่อช่วงปลายเดือน ธ.ค. 65 ตนเองได้เล่น TikTok กระทั่งไปเจอหนุ่มหน้าตาดี อายุ 24 ปี คนหนึ่งโพสต์ท้อแท้ชีวิต หมดอาลัยตายอยากกับชีวิต ด้วยความหวังดีจึงทักเข้าไปพูดคุย และให้กำลังใจ
จนสุดท้ายฝ่ายชายออกอุบายขอมาหาที่บ้านและนอนพักด้วยกัน 1 คืน และได้แองชิงรถยนต์กระบะของนางนกหลบหนีไป โดยขู่ว่า รถถูกยัด และกำลังเอาข้ามฝั่งลาว หากอยากได้รถคืนต้องโอนเงินมาไถ่คืน นางนกจึงหลงเชื่อโอนเงินไปให้กว่า 1 แสนบาท สุดท้ายเสียทั้งรถเสียทั้งเงิน
ล่าสุดทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปที่บ้านของนางนก (นามสมมติ) หญิงสาววัย 38 ปี ผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อช่วง 28 ธ.ค. 65 ตนเองได้เล่น TikTok กระทั่งไปเจอหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง ชื่อว่านาเต้ย อายุ 24 ปี ขณะนั้น ตนเองได้เข้าไปดูหน้าติ๊กต็อกของนายเต้ย มีแต่ข้อความโพสต์ท้อแท้กับชีวิต และหมดอาลัยตายอยาก ทั้งอ้างว่าตกงาน ไม่มีเงิน ชีวิตพังทลายไปแล้ว
ตนเองด้วยความหวังดี และเป็นชอบทำบุญให้กับผู้อื่น จึงเข้าไปคอมเมนต์ให้กำลังใจ และเตือนให้สติกับนายเต้ย เพราะนายเต้ยพิมพ์แต่ละข้อความคล้ายจะไม่อยากอยู่บนโลกใบนี้แล้ว ตนเองจึงได้เข้าไปคอมเมนต์ในหลายโพสต์ของนายเต้ย จากนั้น 31 ธ.ค. ที่ผ่านมา นายเต้ยจึงทักแชตใน tiktok มาหา เจ้าตัวส่งสติ๊กเกอร์โบกมือทักทาย และพิมพ์ถามตนเองว่า "ทำไรอยู่ ขอบคุณคอมเมนต์ยาวๆครับ"
ซึ่งตนเองขณะนั้น ก็ได้ตอบกลับไปว่า "จ้า ไม่อยากให้จมอยู่กับความทุกข์นาน" เพราะหวังดี และอยากช่วยเหลือคน ซึ่งตนเองถึงจะโสดเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่ก็ไม่ได้หวังจะคุยกับนายเต้ยเชิงชู้สาว ต่อมานายเต้ย ได้ตัดพ้อปัญหาชีวิตผ่านแชตโดยส่งรูปตั้งแต่ตัวเองไม่มีเงินจะกินข้าว ทั้งตัวเหลือเพียงเหรียญสิบเหรียญบาท ตนเองก็เริ่มโอนเงินให้ เพราะอยากช่วยเหลือตั้งแต่ 500 บาทไปจนถึงหลัก 5,000 บาท
แต่เมื่อตนเองโอนเงินช่วยเหลือให้มาก ๆ เหมือนอีกฝ่ายยิ่งบ่นถึงปัญหาชีวิตมากขึ้น และยิ่งได้ใจ และที่หนักสุดคือ นายเต้ยได้ส่งรูปตัวเองกำลังจะผูกคอตาย ยืนร้องไห้น้ำตาไหล โดยส่งรูปมาให้ตนเองดู พร้อมเขียนข้อความบนกระดาษว่า "ผมขอโทษที่ผมเป็นคนไม่ดี" ตนเองจึงยิ่งสงสาร และหาทางช่วยทุกอย่าง
กระทั่งต่อมาตนเองจึงได้ปลอบนายเต้ยทุกอย่างจนนายเต้ย บอกว่าจะไม่คิดสั้นแล้ว แต่จะขอมาเที่ยวที่บ้านของตนเอง ตอนนั้นตนเองจึงบอกไปว่าไม่สะดวก เนื่องจากช่วงปีใหม่ตนเองได้ไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัด แต่นายเต้ยก็บอกมาว่า ได้เดินทางมาแล้ว ไม่มีเงินติดตัวสักบาท ไม่มีที่พักด้วย ตนเองจึงใจอ่อน และได้โอนเงินไปให้ 5,000 บาท เป็นค่าที่พักในตัวเมืองอุดร และค่าอาหาร
กระทั่งช่วงวันที่ 2 ม.ค. ตนเองเห็นว่านายเต้ยก็มาแล้วจึงเดินทางไปรับ และให้มานอนที่บ้านพักอาศัยชั่วคราว โดยนั่งรถไปรับกับลูกสาววัย 20 ปี ตนเองได้พานายเต้ยไปผูกแขนรับขวัญกับญาติผู้ใหญ่อีกด้วย เพื่อหวังว่านายเต้ยจะไม่คิดสั้น ก่อนพากลับมานอนบ้านแต่ไม่ได้นอนห้องเดียวกัน โดยตนเองห่วงความปลอดภัย ก็ให้ญาติพี่น้องที่เป็นผู้ชายมานอนด้วย เพราะก็ยังไม่ไว้ใจ แต่อยากจะช่วยเหลือ กระทั่ง 3 ม.ค. ตนเองและญาติพี่น้องจะไปทำบุญ นายเต้ยจึงขอไปด้วย อ้างว่าอยากทำบุญ และไปไหว้ปู่คำชะโนดด้วยกัน เมื่อไหว้เสร็จประมาณช่วง 4 โมงเย็น ตนเองได้พาลูกสาว ออกไปข้างนอกบ้านเพื่อไปตัดผม แต่ลืมเก็บกุญแจรถไปด้วย ตอนนั้นนายเต้ยอยู่บ้านคนเดียว จึงอาศัยโอกาสขอยืมรถกระบะของเธอไป เวลาประมาณ 6 โมงเย็น โดยโทรศัพท์มาบอกว่ายืมไปทำธุระแป๊บปเดียว
ตอนนั้นใจเริ่มไม่ดีแล้ว แต่ก็พยายามรอรถอยู่ที่บ้าน กระทั่งมีข้อความไลน์เด้งจากนายเต้ยว่า รถถูกยึดไปแล้ว เพราะนายเต้ยเป็นหนี้ เจ้าหนี้บอกว่า หากอยากได้รถคืนต้องโอนเงินมาไถ่ 35,000 บาท ตนเองจึงรีบโอนเงินไป จากนั้นไลน์เด้งมาอีก ต้องจ่ายอีก 10,000 บาทเป็นค่าดอกเบี้ย และมีหนี้คงค้างอีก 30,000 บาท มีหนี้ที่ยังชำระไม่หมดอีก 60,000 บาท ความที่ตนเองอยากได้รถคืนมาก จึงโอนไปอีก 60,000 บาท ให้นายเต้ยในช่วงเวลาเพียงข้ามคืน ตนเองหมดไปกว่า 1 แสนบาท แต่สุดท้ายนายเต้ยหนีหายเลย กระทั่ง 4 ม.ค. ตนเองจึงเดินทางไปแจ้งความที่ สภ.ทุ่งฝน ช่วงเช้า และอายัดเงินจากธนาคาร ที่โอนออกไปยังนายเต้ยทั้งหมด
จากนั้น ช่วง 1 ทุ่มกว่า วันที่ 4 ม.ค. นายเต้ยได้บล็อกไลน์ บล็อกทุกอย่าง และได้ส่งข้อความทางโทรศัพท์มาขู่ว่า ให้ตนเองปลดล็อกบัญชีธนาคารให้ก่อน ถึงจะได้รถคืนและอย่าเอาเรื่องไปบอกตำรวจ โดยนายเต้ยได้ส่งรูปรถของตน ซึ่งจอดอยู่ที่ไหนสักแห่ง มาให้ตนเองดู และขู่ว่าหากไม่ปลดล็อก หรือโอนเงินมาคืนให้อีก 30,000 บาท เจ้าตัวจะเอารถข้ามไปแยกชิ้นส่วนที่ฝั่งลาวคืนนี้ ตอนนั้นตนเองเห็นว่า หากโอนไปอีกก็คงถูกหลอก จึงปล่อยให้ตำรวจดำเนินคดีไปตอนขั้นตอน
ซึ่งตอนนี้ตนเองลำบากใจมาก และอยากได้รถคืนมา เพราะเป็นรถกระบะมือสองที่ตนเองซื้อมาคันแรกในชีวิต ในราคา 5 แสนบาท และมีคุณค่าทางจิตใจมาก โดยอยากให้ตำรวจเร่งตามรถตนเองกลับคืนมาให้เน็วที่สุด และขอสื่อช่วยตามคดีให้ด้วย ส่วนนายเต้ย หากได้ยินอยู่ก็เอารถมาคืนตนเองเถอะ ตนเองไม่เคยคิดโกรธ และพร้อมจะยกโทษให้ และอยากให้นายเต้ยรู้ไว้ว่า อย่าทำร้ายความหวังดีคนอื่นด้วยการกระทำแบบนี้ มันจะเป็นบาปติดตัวไปจนวันตาย ถึงได้เงินไปก็เป็นเงินร้อน โกงไปก็ต้องหลบหนี มีแต่ความทุกข์ และให้หยุดหลอกคืนอื่น
ทีมข่าวได้พูดคุยโทรศัพท์กับนายเต้ย ผู้ก่อเหตุ บอกว่า ตอนนี้ตนเองกำลังหลบหนีกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่ทำร้ายตนเองอยู่ ส่วนรถของผู้เสียหายถูกกลุ่มผู้มีอิทธิพล ซึ่งตนเองเป็นหนี้ 1.7 แสน ได้ยึดรถเอาไปแล้ว เพราะตนเองไม่มีเงินจ่ายค่าหนี้ให้ เพราะฝ่ายหญิงไปแจ้งตำรวจอายัดบัญชีตนเองไปแล้ว ตอนนี้รถของฝ่ายหญิง ได้ส่งออกไปยังฝั่งลาว เพื่อเตรียมแยกชิ้นส่วนแล้ว ตนเองทำอะไรไม่ได้ ตนเองถูกบีบให้ต้องทำ เพราะหากไม่ทำ หรือหาเงินไปให้พวกมัน ตนเองก็จะถูกผู้มีอิทธิพล ตนเองเคยร่วมงานด้วย สั่งมือปืนไล่ล่าและจะยิงทิ้ง ตนเองจึงเลือกชีวิตตัวเองไว้ก่อน จึงจำเป็นต้องเอารถไปให้พวกมัน
ส่วนฝ่ายหญิงที่โอนเงินมาให้แสนกว่าบาท ตนเองก็เสียใจที่ขโมยรถ แต่ตนเองไม่มีทางเลือก และฝ่ายหญิงอยากจะช่วยเหลือเรื่องเงินเอง ตนเองก็ไม่ได้ร้องขอ ซึ่งเงินที่โอนมาตนเองก็เอาเงินโอนไปให้ผู้มีอิทธิพลใช้หนี้แล้ว แต่เงินโอนไปไม่พอ และฝ่ายหญิงอายัดเงินในบัญชี ทำให้ผู้มีอิทธิพล เอาลูกน้องมายึดรถไปแทนแล้ว
ตนเองขอโทษที่ทำแบบนี้ หากไม่ทำผมก็ถูกยิงตาย ขอเวลาอีก 2 วันจะมอบตัวกับตำรวจ และจะแฉขบวนการผู้มีอิทธิพลนี้ด้วย เจ้าตัวบอกทิ้งท้าว ผมไม่กลัวที่จะเข้าคุก เพราะเคยเข้าคุกเพราะเป็นตัวกลางในคดีโจรกรรมรถมาแล้ว และเพิ่งออกจากคุกมาเมื่อ 1 ปีก่อน ตอนนี้ขอรวบรวมข้อมูลก่อน และถ้าพร้อมจะติดต่อนักข่าวกลับไป