หลานสาวตกเป็นเหยื่อ ถูกหลอกโอนเงิน อ้างได้รายได้จากการดูยูทูป

1 ก.พ. 66

 

“หนุ่มโคราช” ร้อง “สื่อ” หลานสาวตกเป็นเหยื่อ ถูกแก๊งมิจฉาชีพหลอกโอนเงิน อ้างได้รายได้จากการดูยูทูป วอนตำรวจเร่งจับคนร้าย

วันที่ 1 ก.พ. 66 ที่ จ.นครราชสีมา นายอธิชัย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี อาศัยอยู่ที่ ต.หนองไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครราชสีมา ได้ร้องเรียนกับสื่อมวลชนประจำ จ.นครราชสีมาว่า หลานสาวถูกหลอกแก๊งมิจฉาชีพหลอกให้โอนเงิน โดยอ้างให้ร่วมลงทุนจากการดูวีดีโอจากยูทูปจนหลงเชื่อ สูญเงินไปกว่า 3 แสนบาท

นายอธิชัย เล่าว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 ม.ค. 66 หลังจากที่หลานสาวของตนได้ไปเห็นลิงก์โฆษณารับสมัครงานหาคนดูคลิปวีดีโอจากยูทูปผ่านจากอินสตาแกรมหรือไอจี ก่อนที่หลานของตนจะหลงเชื่อ กดสมัครเข้าไป จนได้มีการพูดคุยกับแอดมินผ่านทางไลน์ ก่อนที่ทางแอดมินจะให้หลานของตนโอนเงินจำนวน 100 บาท เพื่อสมัครเข้าทำงานดูคลิปวีดีโอจากยูทูป โดยมีการอ้างว่าเงินที่โอนเข้าไปจะเป็นเงินลงทุน โดยหลานของตนจะได้เงินส่วนแบ่งจากยอดวิวของยูทูปที่ทางแอดมินส่งมาให้ดู

หลอกโอนเงิน

นายอธิชัย เล่าต่อว่า คนที่อ้างว่าเป็นแอดมินก็ได้มีการส่งโปรโมชั่นเงื่อนไขในการทำงานมาให้หลานของตนดู โดยมีการบอกรายละเอียดเกี่ยวกับการดูคลิปวีดีโอที่เป็นมิวสิควีดีโอ โดยเริ่มต้นที่ 5 เพลง จะได้เงิน 200 บาท ต้องจ่ายค่าประกัน 100 บาท จนไปถึง 50 เพลง ได้เงิน 5,000 บาท จ่ายเงินประกัน 1,000 บาท ก่อนที่หลานของตนนั้นจะสนใจจำนวน 20 เพลง จึงโอนเงินประกันไป 400 บาท หลังจากโอนเงินทางแอดมินก็แจ้งกลับมาว่าเบิกงานให้หลานของตนไม่ทัน ทำให้ต้องหางานอื่นมาให้เป็นการกดรับสินค้า พร้อมกับส่งขั้นตอนการทำงานมาให้ดู แต่พอหลานของตนกดเข้าไปก็มีปัญหา จนหลานของตนเริ่มไม่มั่นใจ และจะขอยกเลิกบัญชีที่สมัครดูคลิปวีดีโอจากยูทูป ซึ่งค่าปิดบัญชีอยู่ 500 บาท

นายอธิชัย เล่าอีกว่า หลานของตนก็โอนไป ก่อนที่ในวันที่ 29 ธ.ค.65 ทางแอดมินจะทักกลับมาว่างานยูทูปว่างแล้ว แต่หลานของตนก็ไม่ตอบกลับไป จนมาในวันที่ 7 ม.ค.66 ทางแอดมินก็ส่งข้อความมาว่าในลักษณะเชิงข่มขู่ว่า “สวัสดีค่ะ ยูสเซอร์ของคุณ (ไม่งั้นจะมีผลกระทบต่อหน้าที่การงานและเรียน) และในข้อความที่ส่งมาก็มีการขู่เรื่องการกระทำผิดกฎหมาย จนทำให้หลานของตนกลัว จึงต้องรีบโอนเงิน เพื่อทำการปิดบัญชีไปอีก 500 บาท ก่อนที่ทางแอดมินจะหลอกหลานของตนในเรื่องขั้นตอนการปิดบัญชี ทำให้หลานของตนต้องโอนไปยังบัญชีเดิมอีก 2 ครั้ง ครั้งละ 500 บาท รวมเป็นเงิน 1,500 บาท และค่าเอกสารอีก 1,500 บาท

หลอกโอนเงิน

นายอธิชัย เล่าต่อว่า หลานของตนโอนจนไม่เหลือเงินแล้ว จึงได้มาขอยืมโทรศัพท์ของยาย ซึ่งมีเงินเก็บอยู่ในบัญชีประมาณ 3 แสนบาท ทางหลานได้มาขอยืมโทรศัพท์ยายก่อนที่จะออกไปอยู่บ้านอีกหลังที่อยู่ข้างๆ กัน และติดต่อกับทางแอดมินที่มาหลอกให้ทำงาน หลังจากนั้นก็มีการโอนเงินไปอีกหลายรอบ จนรอบสุดท้ายยอดเงินที่ต้องโอนคือ 180,000 บาท ทางแอดมินแจ้งว่าเป็นค่าภาษี ซึ่งหลานของตนก็โอนไปจนหมดบัญชี โดยรวมยอดเงินของหลานที่โอนไปก่อนหน้านี้ด้วยเป็นเงินทั้งหมด 302,500 บาท

“เงินในบัญชีของยายนั้น เป็นเงินบำนาญของตาที่เกษียณอายุราชการแล้ว อีกส่วนหนึ่งก็เป็นเงินที่แม่ของน้องนั้นโอนมาเก็บไว้เป็นทุนการศึกษา โดยเรื่องนี้ผมมารู้ในวันเดียวกันคือวันที่ 7 ม.ค. 66 ตอนที่หลานโทรศัพท์ไปยืมเงินกับป้า ป้าตอบกลับมาว่าหลานกำลังถูกหลอก ในระหว่างนั้นหลานก็วิ่งออกจากบ้านไปบ้านอีกหลังหนึ่งข้างๆกัน และไปนั่งอยู่ที่ระเบียง ร้องไห้ฟูมฟายและกรีดร้อง จนตนต้องเข้าไปปลอบจึงยอมลงมา หลานตกอยู่ในอาการผวา นอนไม่หลับ กลัวว่าจะคิดสั้นเหมือนกับข่าวที่เด็กวัย 15 ปี ผูกคอเสียชีวิต เมื่อไรตำรวจจะจับคนพวกนี้ได้ เมื่อไหร่จะเอาเงินมาคืนยายกับตา เพราะมันเป็นเงินของยายกับตา” นายอธิชัย กล่าว

หลอกโอนเงิน

นายอธิชัย กล่าวต่อว่า หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนก็ได้มีการแจ้งความไปยัง สภ.เมืองนครราชสีมา แต่ก็ได้รับคำแนะนำว่าให้แจ้งกับทางตำรวจไซเบอร์ แต่จนถึงวันนี้ก็ไม่มีความคืบหน้าของคดี อยากฝากไปยังตำรวจที่รับผิดชอบอยากให้ช่วยเร่งรัดเรื่องคดีให้เร็วขึ้น เพราะไม่อยากให้มีเหยื่อแบบหลานของตนเกิดขึ้นอีก และอยากฝากไปยังผู้ปกครองในเรื่องการดูแลบุตรหลานอยากให้ดูแลอย่างใกล้ชิด และคอยสังเกตุพฤติกรรมผิดสังเกตอยู่ตลอดเวลา เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นอีก

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส