เชียงใหม่ทำ"พิธีสาปแช่งคนเผาป่า"นำภูมิปัญญาและองค์ความรู้การจัดการไฟป่าของท้องถิ่น หวังลดปัญหาหมอกควันปกคลุม 17 จังหวัดในภาคเหนือ
วันนี้ 7 ก.พ.66 ที่ศูนย์เรียนรู้การจัดการอย่างมีส่วนร่วมอินทนนท์ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ นางภาวินี ณ สายบุรี รองอธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานเปิดกิจกรรม "พิธีสาปแช่งคนเผาป่า" ผสานภูมิปัญญาและองค์ความรู้การจัดการไฟป่าและการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อบูรณาการทุกภาคส่วนร่วมกัน เป็นฟันเฟืองสำคัญในการแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันอย่างเป็นรูปธรรมใน 3 พื้นที่ คือ ป่าเมืองเกษตรบนหลักการสื่อสารเชิงรุก ยกระดับการปฏิบัติการปรับรูปแบบการทำงานให้เข้าถึงง่าย เน้นการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วนโดยเฉพาะภาคประชาชน ให้สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ให้มากที่สุด
โดยมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอจอมทอง เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ สถานีควบคุมไฟป่าดอยอินทนนท์ เครือข่ายอาสาสมัครฝ้าระวังไฟป่า องค์กรภาคีเครือข่าย ตลอดจนประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้
จากนั้นมีพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง และปกาเกอะญอ ทำพิธีสาปแช่งคนเผาป่าอันเป็นอัตลักษณ์ที่สืบทอดกันมา ซึ่งในส่วนของกลุ่มชาติพันธุ์ปกาเกอะญอได้นำไก่คู่นึ่ง ข้าวปากหม้อ และสุราขาว 2 ขวด มาเลี้ยงเจ้าที่เจ้าป่าเจ้าเขา ที่ปกปักษ์รักษาป่าต้นน้ำแห่งนี้ เพื่อขอขมาอ้อนวอนขอพรให้ช่วยดูแลผืนป่าให้ปลอดภัย ไม่เกิดไฟป่าหรือหากเกิดก็ให้ดับไว ดับด้วยตัวเอง หรือหากมีคนที่ต้องเข้าไปช่วยดับไฟป่าก็ขอให้แคล้วคลาดปลอดภัย
ส่วนผู้ที่ลักลอบเผาป่าก็จะเจอแต่สิ่งอัปมงคล เป็นกุศโลบายให้เกิดความเกรงกลัวโดยนำเอาความเชื่อของทั้งสองชนเผ่า ที่เชื่อกันว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยปกป้องรักษาป่า มาผสานการสร้างจิตสำนึกที่ดีต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติไปพร้อมๆ กัน นับเป็นตัวอย่างพื้นที่ที่มีความเข้มแข็งและน่าชื่นชมในการเข้ามามีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาไฟป่า ลดหมอกควัน และการเตรียมความพร้อมชุมชนตั้งรับปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ทั้งนี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีนโยบายสำคัญในการแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน และปัญหาค่าฝุ่นละอองมลพิษทางอากาศในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ มุ่งเน้นมาตรการป้องกันมากกว่าแก้ไขปัญหา รวมทั้งการสื่อสารเชิงรุก สร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องเพื่อแก้ไขปัญหาในระยะยาว ซึ่งขณะนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูไฟป่าหมอกควันแล้ว และปัญหาดังกล่าวจะทวีความรุนแรงขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมได้มีการปรับรูปแบบการประชาสัมพันธ์ในทุกช่องทางให้สอดคล้องกับสถานการณ์สิ่งแวดล้อม