จากกรณีที่สาววัย 20 ปี ชาวบุรีรัมย์สุดช้ำหอบหลักฐานโร่แจ้งความเอาผิดนักบอลสโมสรชื่อดัง ว่าที่เจ้าบ่าวจอมลวงโลก ทั้งกุเรื่องน้องสาวและแม่ติดโควิดเสียชีวิต เพื่อให้ครอบครัวฝ่ายหญิงโอนเงินช่วยทำบุญ หลอกให้ทองปลอม 3 บาทเป็นของหมั้น สุดท้ายเทงานแต่งงาน ซ้ำอ้างว่าพี่สะใภ้หอบสินสอดหนีเกือบ 1 ล้านบาทหนี ทำให้ฝ่ายว่าที่เจ้าสาวต้องเป็นม่ายขันหมาก อับอายชาวบ้าน จัดงานแต่งเก้อเสียหายกว่า 3 แสนบาทนั้น
ล่าสุดวันที่ 28 ก.พ. 66 นางสาวฟ้า (นามสมมติ) อายุ 20 ปี ชาว อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ว่าที่เจ้าสาว ผู้เสียหาย ได้นำหลักฐานทั้งสร้อยทองปลอม ซึ่งเป็นทองชุบที่ฝ่ายว่าที่เจ้าบ่าว นำมาให้อ้างว่า เป็นสินสอดบางส่วน มูลค่า 3 บาท พร้อมรูปถ่ายการเตรียมจัดงานแต่ง รวมถึงรูปถ่ายพรีเวดดิ้ง และการ์ดงานแต่งระหว่างเธอกับนายเอ็ม (นามสมมติ) อายุ 30 ปี ว่าที่เจ้าบ่าว ซึ่งเป็นนักฟุตบอลสโมสรชื่อดังแห่งหนึ่งที่ จ.สุรินทร์ ให้ทีมข่าวดู
น.ส.ฟ้า ให้ข้อมูลว่า ได้รู้จักกับนายเอ็มผ่านแอปฯ หาคู่ ช่วงกลางเดือน มิ.ย. 65 จากนั้นนายเอ็มได้ทักแชทมาจีบและพูดคุย เมื่อคุยกันได้ประมาณ 1 อาทิตย์ นายเอ็มก็เริ่มนัดตนเองพาไปกินข้าว ดูหนัง ไปดูนายเอ็มเตะบอล จากนั้นก็เริ่มคบหาดูใจกันมาเรื่อย ๆ เพราะนายเอ็มพูดจาหวาน และดูแลเอาใจใส่ดี
กระทั่งช่วงวันที่ 23 ธ.ค. 65 หลังจากคบหากันมาได้กว่า 7 เดือนแล้ว นายเอ็มได้ขอตนเองจะแต่งงาน โดยอ้างว่าอยากจะใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกัน และบอกให้ตนเองช่วยเตรียมจัดงานหมั้นขึ้นในวันที่ 23 ธ.ค. 65 ซึ่งนายเอ็ม จะเอาสินสอดทองหมั้นเป็นเงินสด 3 แสน ทอง 3 บาทมาขอหมั้น ตนเองด้วยความดีใจ และแม่ก็อยากให้มีชีวิตคู่ที้ดี จึงได้จัดงานหมั้นขึ้น ออกค่าใช้จ่ายการจัดงานหมั้นไปก่อนเป็นเงินเกือบ 6,000 บาท
แต่เมื่อถึงวันงาน 23 ธ.ค.65 นายเอ็มกลับไม่ได้นำสินสอดมาขอตนเองหมั้น โดยอ้างว่าผู้เป็นพ่อขับรถชนวัว ระหว่างเดินทางมาร่วมงานหมั้น ทำให้งานหมั้นต้องยกเลิกออกไปก่อน ซึ่งในวันนั้นตนเองก็เข้าใจว่าเป็นอุบัติเหตุ จึงไม่ได้เสียความรู้สึกมาก เพราะนายเอ็ม ยังให้ความมั่นใจว่ายังไงจะแต่งงาน อยู่กินกับตนแน่ ๆ ให้รอก่อน ต่อมาช่วงกลางเดือน ม.ค. 66 นายเอ็ม ได้ร้องห่มร้องไห้ บอกว่า น้องสาวอายุ 18 ปี ได้เสียชีวิต เนื่องจากติดโควิด-19 แม่ของตนเองซึ่งเห็นว่านายเอ็มเหมือนกับลูกเขย ยังได้โทรศัพท์ไปแสดงความเสียใจและเป็นห่วงนายเอ็มอยู่เลย ตอนนั้นนายเอ็มยังขอยืมเงิน 5,000 บาทจากแม่ไปด้วย อ้างว่าจะเอาไปจัดงานเผาศพให้กับน้องสาวอีกด้วย
ผ่านไปอีก 1 อาทิตย์ ช่วงปลายเดือน ม.ค. 66 นายเอ็มก็มาร้องไห้กับตนเองอีก บอกว่าล่าสุดแม่ติดโควิดจากน้องสาว และได้เสียชีวิตไปอีกคน ลงสตอรี่ในเฟซบุ๊กเหมือนว่าเจ้าตัวไปร่วมงานเผาศพผู้เป็นแม่ ในรูปเป็นเจ้าหน้าที่สวมชุด ppe กำลังนำศพแม่เผาบนเมรุ พร้อมกับพิมพ์อีโมจิร้องไห้ ดูน่าสงสาร นายเอ็มได้ให้ชายคนหนึ่งอ้างตัวเป็นพ่อนายเอ็มโทรศัพท์มาขอยืมเงินแม่ของตนจำนวน 10,000 กว่าบาท อ้างว่าจะต้องเอาเงินไปจัดงานศพให้แม่ และเอาเงินดูแลคนในครอบครัวคนอื่น ๆ ที่ติดโควิดต้องกักตัวอยู่ที่บ้าน ต้องขาดรายได้ ด้วยความสงสาร แม่ของตนเองก็ยังให้ยืมเงิน
นายเอ็มสัญญาว่าจะคืนเงินให้ทุกบาททุกสตางค์ เพราะจะได้เงินจากประกันของน้องสาวและแม่นายเอ็มเสียชีวิตจากโควิด เกือบ 1 ล้านบาท เพราะทั้ง 2 คนทำประกันไว้ และหากได้เงินประกันมา จะมอบให้กับตนเองและแม่ตนเองทั้งหมดเป็นค่าสินสอด รวมถึงจะขายรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบก์ที่มีอยู่ด้วย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,020,000 บาท ที่จะให้เป็นค่าสินสอด
โดยระหว่างนั้น นายเอ็มได้มอบสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาทให้กับตนเองเพื่อเป็นหลักประกันไว้ก่อน และผ่านไปอีกไม่นาน นายเอ็มยังได้ถ่ายรูปสมุดบัญชีที่มีเงินจำนวน 775,108 บาท ส่งไลน์มาให้ดูว่าเงินประกันโควิดของแม่และน้องสาวเข้าแล้ว ให้เตรียมตัดงานแต่งไว้ได้เลย ตอนนั้นตนเองก็แปลกใจเล็กน้อยว่าทำไมตัวเลขเงินในสมุดบัญชีเข้ามาแปลก เป็นเงินก้อนใหญ่ 7 แสนบาท ปกติมันต้องเข้าทีละก้อน นายเอ็มอ้างว่าได้นำเงิน 2 ก้อน อีกบัญชีมาโอนเงินรวมแล้วจึงเป็นยอด 7 แสนกว่าบาท ตนเองจึงไม่ได้คิดอะไรมาก คิดว่าต้องไว้ใจกันเพราะจะแต่งงานกันแล้ว กระทั่งเวลาผ่านไปจนถึงช่วง ต้น ก.พ. 66 นายเอ็มได้ขอตนเองแต่งงาน และบอกให้ตนเองเตรียมตัวจัดงานได้เลย ไม่ต้องมีแล้วงานหมั้น แต่งกันไปเลย
จากนั้นแม่ของตนเองจึงได้ไปดูฤกษ์แต่งงานให้สรุปกันว่า จะจัดแต่งงานกันในวันที่ 26 ก.พ. 66 กระทั่ง 9 ก.พ. ตนเองและนายเอ็มได้ไปถ่ายพรีเวดดิ้ง และลองชุดแต่งงานกัน บรรยากาศตอนนั้นมีความสุขมาก โดยค่าถ่ายรูปพรีเวดดิ้ง และค่าชุดรวม 4,500 บาท ตนเองเป็นคนออกทั้งหมด ซึ่งตนเองยังได้ถ่ายคลิปขณะนายเอ็มลองชุดเจ้าบ่าวไว้ด้วย จากนั้น เมื่อเตรียมทุกอย่างครบหมดแล้ว ตนเองจึงเดินทางกลับไปเรียนต่อที่ จ.สุรินทร์ ในวันที่ 13 ก.พ. 66 โดยนายเอ็ม ก็ยังใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่หอพัก ซึ่งระหว่างนี้ แม่ และตนเอง ได้ช่วยกันออกแบบการ์ดแต่งงาน เตรียมจ้างรถแห่ โต๊ะจีนจำนวน 40 โต๊ะ และซื้อข้าวของจัดงานแต่งไว้ รวมมูลค่าเกือบ 3 แสนบาท
กระทั่ง 24 ก.พ. 66 ก่อนถึงวันงาน 2 วัน ในเวลาประมาณ 21.00 น. ระหว่างตนเองอยู่กับนายเอ็มที่หอพัก นายเอ็มได้โทรศัพท์หาชายคนหนึ่ง อ้างว่าเป็นพ่อ โดยพ่อบอกว่าเงินค่าสินสอดที่กำลังจะเดินทางมาขอในงานแต่ง ทองคำ 6 บาท เงินสด 8 แสนบาท ถูกพี่สะใภ้ชื่อจิ๊บขโมยไปหมด ซึ่งตอนนั้นพ่อนายเอ็มได้จอดรถแวะปั๊มน้ำมัน ก่อนถูกพี่สะใภ้ที่นั่งมาด้วยขับรถกระบะหนี ทิ้งพ่อไว้ที่ปั๊มน้ำมัน เอาเงินค่าสินสอดไปทั้งหมด จากนั้นนายเอ็มได้บอกตนเองว่าจะออกไปกับเพื่อน เพื่อไปหาพ่อไปตามค่าสินสอดคืน แต่สุดท้ายจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้เงินกลับมา เมื่อตนโทรศัพท์ไปหาพ่อนายเอ็ม ก็อ้างว่านางจิ๊บเอาเงินไปแล้ว แต่สัญญาว่าจะหาเงินมาให้ได้ ส่วนนายเอ็มก็อ้างว่าเงินถูกเอาไปจริง
แต่จากนั้น แม่ของตนเองคิดว่าอาจจะถูกครอบครัวนายเอ็มหลอกลวงแล้ว เพราะทำไม่ได้สักอย่าง จึงบอกให้ตนเองกลับบ้านที่ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งในวันนั้น 25 ก.พ. งานแต่งทุกอย่างเตรียมครบหมดแล้ว แต่ตนเองต้องจำใจยอมยกเลิกงานทั้งหมด เพราะฝ่ายนายเอ็ม ไม่ได้ทำตามสัญญา ยอมรับว่าเสียใจและอับอายมากที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ยืนยันว่าจะไม่มีวันกลับไปแต่งงานกับผู้ชายคนนี้อีก ถึงจะรักมากแค่ไหนก็ตาม และยิ่งมารู้ทีหลังว่านายเอ็มสร้างเรื่องทั้งหมดขึ้นมา เพราะไปตรวจสอบทีหลัง พบว่าทั้งสตอรี่ในเฟซบุ๊กที่นายเอ็มลงไว้ว่า แม่ตัวเองตาย ได้นำรูปมาจากข่าว ซึ่งเป็นเนื้อหาข่าวหญิงติดโควิดเสียชีวิตที่ จ.สมุทรปราการ ส่วนภาพสมุดธนาคารที่เอ็มอ้างว่ามีเงินประกันโควิดเข้า 7 แสนกว่าบาท นายเอ็มก็ไปขโมยรูปมาจากเว็บไซต์ ส่วนสร้อยคอทองคำที่นายเอ็มให้เป็นหลักประกัน เมื่อเอาไปให้ร้านทองดู ก็พบว่าเป็นทองชุบอีก
และที่พีกที่สุดคือหลังเกิดเรื่อง มีหญิงสาวปริศนาทักเฟซบุ๊กมาต่อว่าตนเองว่าไปแย่งสามีชาวบ้าน และแฉว่านายเอ็มมีลูกมีเมียอยู่แล้ว และเมื่อตนเองไปสืบดูก็พบว่า ก่อนหน้านี้นายเอ็มเคยลงรูปแต่งงานกับสาวคนหนึ่ง เมื่อ 2 พ.ย. 62 และมีลูกชายด้วยกัน 1 คนอีกด้วย
ลุงของนายเอ็ม คือ นายอชิตพล เอมโคกสูง อายุ 64 ปี เปิดเผยว่า บ้านหลังนี้นายเอ็มเคยอาศัยอยู่ในวัยเด็ก พอเข้าโรงเรียนชั้นประถม นายเอ็มก็ย้ายไปอยู่กับพ่อเเม่ที่ภาคใต้ จ.ระนอง พ่อกับเเม่มีอาชีพขายผัดไท หอยทอด ก่อนจะย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ ต่อมาก็ย้ายไปอยู่ที่ จ.สุรินทร์ ส่วนพ่อกับเเม่ปัจจุบันทราบว่าขายผัดไทอยู่ใน จ.นครราชสีมา น้องสาวเรียนหนังสืออยู่ชั้น ม.ปลาย
สำหรับนายเอ็ม หลานชาย เป็นคนชอบเล่นฟุตบอลมาตั้งเเต่เด็ก มีความสามารถด้านการเตะฟุตบอล ส่วนเรื่องความรัก เท่าที่ทราบนายเอ็มมีภรรยาอยู่ที่ จ.สุรินทร์ มีลูกชาย 1 คน อายุ 2 ขวบ ซึ่งตอนที่เเต่งงาน ตนเองก็เดินทางไปร่วมเป็นสักขีพยานด้วย เมื่อ 3 ปีที่เเล้ว ปัจจุบันนายเอ็มได้อย่าร้าง แยกกันอยู่กับภรรยาคนดังกล่าว ก็ไม่ทราบว่าปัจจุบันนายเอ็มอาศัยอยู่ที่ไหน ไม่ทราบว่าตอนนี้คบหาอยู่กับใคร ไม่คิดมาก่อนว่าหลานชายจะมึพฤติกรรมเเบบนี้ คำกล่าวอ้างของนายเอ็มที่บอกกับเจ้าสาวว่าญาติเสียชีวิตจากโควิดไม่เป็นความจริง เพราะปัจจุบันทั้งพ่อแม่ น้องสาว ยังมีชีวิตอยู่ ตนก็อยากให้ไปรับผิดชอบกับสิ่งที่ตัวเองทำ เพราะเป็นสิ่งที่ไม่ดี ยืนยันว่าญาติพี่น้องไม่มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำของนายเอ็ม
นายธนากร โก้กล่ำ หรือ แดน อายุ 19 ปี นักฟุตบอลสโมสรเดียวกับนายเอ็ม ว่าที่เจ้าบ่าว เปิดเผยว่า นายเอ็มเพิ่งเข้ามาเป็นนักฟุตบอลในสโมสรได้ไม่ถึง 1 ปี ที่ผ่านมานายเอ็มก็นิสัยดี เป็นคนเงียบ และทุกคนในสโมสรก็รู้ว่าเอ็มกำลังจะแต่งงานกับนางสาวฟ้า เพราะก่อนวันแต่งงาน นายเอ็มยังได้ชวนพวกตนเองและโค้ชไปร่วมงานแต่ง
แต่ก็ไม่มีใครคิดว่านายเอ็มจะเทงานแต่งได้ ส่วนเรื่องส่วนตัวที่นายเอ็มสร้างเรื่องว่าแม่และน้องสาวเสียชีวิตจากโควิด กลุ่มนักบอลในสโมสรไม่เคยทราบเรื่อง เพราะเอ็มไม่เคยเล่าเรื่องส่วนตัวให้ใครฟัง และก่อนเกิดเรื่องประมาณ 2 เดือนแล้ว ที่นายเอ็มไม่ได้เข้ามาฝึกซ้อม ซึ่งตอนนี้นายเอ็มเป็นเพียงอดีตนักบอลในสโมสรไปแล้ว
ขณะเดียวกัน นางสาวฟ้าโทรศัพท์หานายเอ็ม ว่าที่เจ้าบ่าว เจ้าตัวรับสายแต่ไม่ยอมบอกว่าอยู่ที่ไหน และยังไม่ขอชี้แจงตอนนี้ อ้างว่า ติดธุระอยู่กรุงเทพฯ บอกยืนยันสั้น ๆ ว่า ไม่ได้ตั้งใจเทงานแต่ง และสัญญาจะหาเงินที่ฝ่ายหญิงเสียหายมาคืนให้ทั้งหมด