รู้จัก "โรคมะเร็งตับ" โรคใกล้ตัวและพบได้บ่อยมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในเพศชาย และเป็นมะเร็งที่มีการเจริญเติบโตของโรคอย่างรวดเร็ว
อาการปวดท้อง โรคทั่วไปที่หลายคนเป็นกัน ซึ่งโดยปกติอาจเกิดจากอาหารไม่ย่อย ท้องอืด ฯลฯ แต่ในทางตรงกันข้าม อาจมีสาเหตุมาจากโรคร้ายแรงต่างๆ ได้ เช่น นิ่วในถุงน้ำดี หรือแม้กระทั่งมะเร็งตับ โดยปัจจุบันสามารถป้องกันการเกิดโรคร้ายแรงด้วยการตรวจสุขภาพตับเป็นประจำปีละ 1 ครั้ง
โรคมะเร็งตับถือเป็นโรคใกล้ตัวและพบได้บ่อยมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในเพศชาย เป็นมะเร็งที่มีการเจริญเติบโตของโรคอย่างรวดเร็ว และมักเสียชีวิตภายในระยะเวลาไม่เกิน 3-6 เดือน หากตรวจพบในระยะสุดท้าย
สาเหตุของมะเร็งตับ
โรคมะเร็งตับ เกิดจากตับอักเสบเรื้อรังเป็นเวลานาน จนกลายเป็นตับแข็งและมะเร็งตับตามลำดับ โดยปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็งตับ ที่พบบ่อยในประเทศไทย คือการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีและซี การดื่มแอลกอฮอล์เรื้อรัง และไขมันสะสมในตับร่วมกับตับอักเสบ
อาการของมะเร็งตับ
ผู้ป่วยมะเร็งตับส่วนใหญ่ในระยะแรกของโรค มักไม่มีอาการผิดปกติ เมื่อก้อนเนื้อร้ายมีขนาดใหญ่ขึ้นจะทำให้ผู้ป่วยมีอาการดังนี้
• ปวดจุกบริเวณชายโครงขวาหรือช่องท้องส่วนบน
• เบื่ออาหาร
• น้ำหนักตัวลดลง
• ท้องมาน
• ขาบวม
• ปัสสาวะมีเหลืองเข้ม
• ตาและตัวเหลือง หรือดีซ่าน
โดยทั่วไปแล้วโรคมะเร็งตับจะไม่มีอาการเตือนใดๆ ที่จะบอกผู้ป่วยว่ากำลังจะเป็นมะเร็งตับ แต่โรคนี้สามารถป้องกันได้หากมีการตรวจกับแพทย์อย่างสม่ำเสมอปีละ 1 ครั้ง โดยเฉพาะในผู้ที่มีความเสี่ยง เช่น มีรูปร่างอ้วนลงพุง, เป็นเบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, ไขมันในเลือดสูง, มีประวัติการดื่มสุราเรื้อรัง, มีประวัติว่าคนในครอบครัวป่วยเป็นมะเร็งตับ, และมีอาการตาเหลืองและตัวซีดเหลืองผิดปกติ
วิธีการตรวจรักษามะเร็งตับ
ผู้ป่วยที่ผลการตรวจต่างๆ บ่งชี้ว่าเนื้องอกที่เกิดขึ้นภายในตับน่าจะเป็นมะเร็งตับ แพทย์จะทำการตรวจเพิ่มเติมเพื่อประเมินสมรรถภาพการทำงานของตับ และสุขภาพทั่วไปของผู้ป่วย ร่วมกับข้อมูลขนาด ตำแหน่ง และการแพร่กระจายของเนื้องอกตับ เพื่อวางแผนการรักษาต่อไป ผู้ป่วยมะเร็งตับบางรายสามารถรับการรักษาด้วยการผ่าตัดเปลี่ยนตับ หรือผ่าตัดตับเอาเนื้องอกออกได้หมด หรือใช้อุปกรณ์จี้หรือเผาให้เนื้องอกตาย (tumor ablation) หรือฉีดยาเคมีผ่านหลอดเลือดแดงที่เลี้ยงเนื้องอกร่วมกับฉีดสารอุดหลอดเลือดดังกล่าว (transarterial chemoembolization) หรือการรักษาด้วยยามุ่งเป้า (targeted therapy) ตามความเหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล
อย่างไรก็ตาม การรักษาเหล่านี้จะทำควบคู่ไปกับการรักษาโรคตับพื้นฐาน เพื่อประคับประคองหรือฟื้นฟูสมรรถภาพการทำงานของตับให้พร้อมกับการรักษามะเร็งตับต่อไป นอกจากนี้ผู้ป่วยมะเร็งตับควรเลือกรับประทานที่สะอาดให้ครบ 5 หมู่ มีปริมาณสารอาหารจากโปรตีนอย่างเพียงพอ และเป็นอาหารจืดที่ปรุงรสด้วยเกลือหรือน้ำปลาในปริมาณน้อย เพื่อช่วยในการรักษาหรือป้องกันภาวะท้องมานและขาบวม หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารเสริม สมุนไพร หรือยาต่างๆ ที่ไม่จำเป็น เนื่องจากสารเหล่านี้อาจทำให้เกิดตับอักเสบรุนแรงจนผู้ป่วยมะเร็งตับเสียชีวิตเร็วก่อนเวลาอันควร
การป้องกันมะเร็งตับ
ผู้ป่วยจำนวนมากอาจไม่มีอาการใดเลยในระยะที่ตับยังมีสมรรถภาพการทำงานปกติ ด้วยเหตุนี้แพทย์จึงแนะนำให้ผู้ป่วยที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคตับเรื้อรังดังต่อไปนี้ ควรได้รับการตรวจค้นหาสาเหตุและเฝ้าระวังการเกิดมะเร็งตับ ได้แก่ ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์อย่างต่อเนื่อง ผู้ที่มีประวัติได้รับเลือดหรือผลิตภัณฑ์เลือด ก่อนปี พ.ศ.2533 มีประวัติใช้เข็มและอุปกรณ์ฉีดสารเสพติดเข้าหลอดเลือดร่วมกัน การสักผิวหนังด้วยอุปกรณ์ที่ไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อ หรือมีเพศสัมพันธ์กับบุคคลที่เป็นพาหะไวรัสตับอักเสบบีหรือซี เป็นต้น
สำหรับผู้ที่ไม่เป็นพาหะไวรัสตับอักเสบบีและยังไม่มีภิมิคุ้มกันต่อไวรัสดังกล่าว สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อได้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดในการป้องกันโรคต่างๆ คือการดูแลสุขภาพทั่วไปให้แข็งแรง รับประทานอาหารอย่างเหมาะสม ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ และพักผ่อนอย่างเพียงพอ สิ่งเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมสุขภาพในทุกด้านได้ดีที่สุด