กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก "
หนุ่ม ฐากูร โพธิ์สิทธิ์" โพสต์เล่าเรื่องราวว่า แม่ยายของตนพร้อมหลานถูกรถเบนซ์ขับชนบริเวณ ถ.ประเสริฐมนูกิจ ขณะปั่นจักรยานอยู่ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนี้ระบุด้วยว่า คนขับรถเบนซ์ไม่ได้เข้ามาเหลียวแล หรือรับผิดชอบแต่อย่างใด พร้อมทั้งระบุทิ้งท้ายว่า "คนรวยน้ำใจไม่มีจริง ๆ ครับ ชนคนอาการเจียนตายไม่มาสนใจ" ซึ่งหลังจากโพสต์ถูกแชร์ออกไป ได้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง
ล่าสุดวันนี้ (12 ก.ค. 60) ผู้สื่อข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปพูดคุยกับ
นางอรวรรณ วงษ์กะพันธ์ อายุ 59 ปี หญิงสูงวัยที่ถูกชน โดยพบว่านางอรวรรณยังต้องนอนพักฟื้นอยู่บนฟูกภายในบ้านที่มีสภาพทรุดโทรม และคับแคบ โดยบริเวณร่างกายหลายจุดมีผ้าพันแผลปิดไว้
นางอรวรรณเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า วันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา ช่วงเวลาประมาณ 13.00 น. ตนพร้อมหลานชายวัย 6 ขวบ ได้ปั่นจักรยานไปตาม ถ.ประเสริฐมนูกิจ เพื่อจะนำเศษลวดทองแดงไปขายที่ร้านรับซื้อของเก่า ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้าน โดยก่อนที่จะปั่นเพื่อกลับรถ ตนสังเกตบนถนนทั้งด้านซ้ายและขวาจนมั่นใจแล้วว่าไม่มีรถ จึงตัดสินใจปั่นข้ามไป ทันใดนั้น ตนได้ยินเสียงเบรครถดังมามาจากด้านหลัง จากนั้นจึงหมดสติไป
นางอรวรรณเล่าต่อว่า ตนได้อีกทีตอนที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้ามาพูดคุยถามอาการ และปฐมพยาบาลเบื้องต้น นาทีนั้นยอมรับว่าไม่ได้รู้สึกเจ็บปวด เพราะมีอาการชาไปทั้งตัว ขยับเขยื้อนอะไรไม่ได้ ในใจนึกห่วงหลาน จึงถามกู้ภัยว่าหลานที่มาด้วยกันเป็นอย่างไรบ้าง กู้ภัยก็ตอบกลับมาว่าปลอดภัยดี หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงนำตนส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาล นางอรวรรณ ยืนยันว่า ตนปั่นจักรยานมาตามเลนถูกต้อง ซึ่งขณะนั้นถนนก็โล่ง อีกทั้งเส้นดังกล่าวตนก็ใช้สัญจรอยู่เป็นประจำจนคุ้นเคย
อย่างไรก็ตาม ในวันเกิดเหตุคู่กรณีได้ตามมาดูอาการตนที่โรงพยาบาล นางอรวรรณเล่าว่า
ชายขับเบนซ์ได้ยืนดูบาดแผลตน โดยไม่ได้พูดคุยหรือถามอาการอะไรกับตนสักคำ มีเพียงเจ้าหน้าที่ประกันของคู่กรณีที่มาด้วยกันเท่านั้นที่บอกกับตนว่า ตนเป็นคนผิดที่ไปขี่รถตัดหน้า และบอกว่าจะนัดพูดคุยกันอีกครั้งหลังจากที่ตนออกจากโรงพยาบาล
นางอรวรรณเปิดเผยทั้งน้ำตา เพราะความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจว่า ที่คู่กรณีไม่สนใจเยียวยา รวมทั้งกังวลว่าตำรวจจะนิ่งเฉยต่อคดีเพราะตัวเองจน มีรายได้จากการรับจ้างร้อยพวงมาลัยวันละ 80-90 บาท โดยตนไม่อยากจะติดใจเอาความอะไร ขอเพียงขอให้คู่กรณีมาช่วยดูแลค่ารักษาจนกว่าจะหายดี เพราะตนต้องมีภาระเลี้ยงดูหลานอีก 2 คน ขอแค่หายจนกลับมาร้อยพวงมาลัยได้ และดูแลหลานได้เช่นเคยก็เพียงพอ
ด้าน
พ.ต.อ.อภิรัฐ พุ่มกุมาร ผู้กำกับการสน.บึงกุ่ม เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุ ชายขับเบนซ์ได้เข้ามาลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว โดยได้แสดงเจตนากับเจ้าหน้าที่ด้วยว่าจะรับผิดชอบผู้เสียหายทุกอย่าง หลังจากนั้น ในวันเดียวกัน ญาติผู้เสียหายก็ได้เข้ามาลงบันทึกประจำวันไว้แล้วด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ผู้กำกับการสน.บึงกุ่มยืนยันว่า จะให้ความยุติธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย โดยเตรียมจะเรียกผู้เสียหายและคู่กรณีมาเจรจากันก่อนในเร็ววันนี้