ป้าร้องหลานวัย 16 ปี ถูก ตร. เตะซี่โครงหัก คดีไม่คืบหน้า หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม
วันที่ 23 พฤษภาคม 2566 นางดวงใจ แสงทอง อายุ 57 ปี และ นายเป้ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี หลานชาย ชาว อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาร้องขอความเป็นธรรม โดยอ้างว่านายเป้ (นามสมมติ) หลานชายถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจโรงพักแห่งหนึ่งทำร้ายร่างกาย ด้วยการใช้เท้าเตะหน้าอก และลำตัวหลายครั้ง ระหว่างขับขี่รถจักรยานยนต์กลับจากเที่ยวงานประเพณีในพื้นที่อำเภอเฉลิมพระเกียรติ เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้หลานชายมีอาการบาดเจ็บทั้งกระดูกสะโพกด้านขวาแตก ซี่โครงซ้ายหัก ปากแตก และมีอาการช้ำใน ต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลละหานทรายเกือบ 1 สัปดาห์ และกลับมารักษาตัวต่อที่บ้านอีกเกือบ 2 เดือน ปัจจุบันยังเจ็บที่บริเวณสะโพก และซี่โครง แต่หลังจากแจ้งความที่ สภ.เฉลิมพระเกียรติ ผ่านไปเกือบ 4 เดือนแล้ว ยังไม่มีความคืบหน้าทางคดี เกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงได้ออกมาร้องเรียนผ่านสื่อ
จากการสอบถามนายเป้ (นามสมมติ) เล่าว่า เมื่อคืนวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา ตนได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปเที่ยวงานประจำปีที่อำเภอเฉลิมพระเกียรติกับเพื่อนประมาณ 20 คน กระทั่งช่วงเที่ยงคืน หลังจากงานเลิก ตนกับเพื่อนก็พากันขี่ รถจักรยานยนต์กลับบ้าน แต่เมื่อขี่ไปถึงบ้านบัวตะเคียน ต.ตาเป๊ก อ.เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งใกล้กับบ้านที่จัดงานศพ ได้มีกลุ่มวัยรุ่นปาระเบิดปิงปอง และก้อนหินใส่กัน ขณะนั้นได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบระงับเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าใจผิดว่าตนเป็นกลุ่มที่ก่อเหตุหรือไม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งแต่งเครื่องแบบเต็มยศ 1 นาย และแต่งตัวครึ่งท่อนอีก 2 นาย ได้ไล่ตามรถตน จนเสียหลักล้ม จากนั้นก็ใช้เท้าเตะหน้าอก และลำตัวของตนหลายครั้ง จากนั้นตำรวจก็นำตัวไปที่โรงพักก่อนจะปล่อยตัวออกมา พอมาถึงบ้าน ตนได้เล่าเหตุการณ์ให้ป้าฟัง พร้อมเดินทางไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล แพทย์แจ้งว่ากระดูกโพกแตก ซี่โครงหัก และมีอาการช้ำใน ต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเวลา 5 วัน และออกมารักษาตัวที่บ้านต่ออีกเกือบ 2 เดือน ตนยืนยันว่าตนไม่ได้ไปร่วมก่อเหตุ เพียงแค่ขี่รถจักรยานยนต์จะกลับบ้านเท่านั้น ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำร้ายตนสังกัดอยู๋ที่โรงพักใด จึงอยากจะขอความเป็นธรรมด้วย
นางดวงใจ แสงทอง ป้าของผู้บาดเจ็บ บอกว่า ชาวบ้านที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุสามารถเป็นพยานให้ได้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายหลานของตนจริง แต่ด้วยความกลัว ชาวบ้านจึงไม่กล้ามาเป็นพยานให้ ตนได้พาหลานไปแจ้งความแล้ว แต่ไม่มีอะไรคืบหน้า ตนอยากจะขอให้ทางผู้บังคับบัญชาและต้นสังกัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำร้ายหลานชาย ช่วยลงงมาตรวจสอบข้อเท็จจริง และให้ความเป็นธรรมกับหลานชายของตนด้วย
ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามไปยังรองผู้กำกับสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งให้ข้อมูลว่า พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการตามกระบวนการขั้นตอน โดยหลังจากมีการแจ้งความ ก็ได้ทำการสอบปากคำผู้แจ้งแล้ว 2 ครั้ง และได้พาเจ้าหน้าที่ตำรวจ 10 นาย ไปให้ชี้ตัวที่อัยการจังหวัดนางรอง เนื่องจากผู้เสียหายยังเป็นเยาวชน และยังไม่สามารถชี้ยืนยันได้ว่าใครเป็นคนทำร้าย จึงทำให้คดีมีความล่าช้า แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ ยืนยันว่าทำคดีอย่างตรงไปตรงมา และเร่งหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด