ยายอึ้ง เภสัชกรโรงพยาบาลพลาดจ่ายยาสระผมให้ผู้ป่วยแทนยาแก้ไอ หลังรับประทานยาก็มีความรู้สึกแปลก รสยาขมจัด แถมมีฟองฟอดจึงบ้วนทิ้ง ญาติติงโรงพยาบาลควรรอบคอบกว่านี้เพราะอันตราย
วันที่ 27 พฤษภาคม 2566 ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ข้อความ “เดี๋ยวนี้บุคลากรในโรงพยาบาลเขาทำงานกันแบบนี้หรือ จ่ายยาให้คนป่วยหน้าซองยา ยาแก้ไอมะขามป้อม ในซองยาเป็นแชมพู ให้ระวังการใช้ยากันด้วย ไม่ใช่แต่ซองยาบอกว่าเป็นยาแก้ไอ ที่ใส่มาให้อาจจะไม่ได้รักษาเราก็ได้ ทำไมตอนจ่ายยาไม่ดูยาก่อนให้คนป่วย ใช่ยาของผู้ป่วยรึไม่ เภสัชจ่ายยาจากหน้าซองไม่รู้เลยว่ามันคือแชมพู" พร้อมกับภาพขวดยาที่ระบุข้อความตัวหนังสือสีแดงเป็นภาษาอังกฤษ TARCHAMPOO ยาใช้ภายนอกห้ามรับประทาน จากนั้นได้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังผู้โพสต์ทำให้ทราบชื่อคือ พระคมสันต์ จารีย์กุล อายุ 39 ปี ซึ่งเป็นลูก โดยผู้โพสต์ระบุผู้ป่วยที่ไปรับยามาจากโรงพยาบาลคือนางสคราญ ปั้นโฉม อายุ 66 ปี ผู้เป็นแม่ซึ่งปกติจะไปโรงพยาบาลเพื่อรับยาแก้ไอมารับประทานตลอด แต่ครั้งนี้กลับได้แชมพูมารับประทานแทนยาแก้ไอ โชคดีที่ผู้เป็นแม่ทานไปแค่ช้อนเดียวแล้วสงสัยในรสชาติจึงบ้วนทิ้ง ที่ตนเองโพสต์เพราะอยากให้เป็นอุทาหรณ์เท่านั้น จากนั้นได้นำตัวอย่างขวดยาแก้ไอและขวดแชมพูสระผมมาเปรียบเทียบให้กับทางผู้สื่อข่าวดู พร้อมทั้งมีการเทน้ำยาทั้ง 2 ชนิดลงในถ้วยเพื่อทำการเปรียบเทียบ
ในเวลาต่อมาก็ได้มีนายแพทย์นิติ เหตานุรักษ์ ผอ.โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากทางโรงพยาบาลเพชรบูรณ์ เดินทางมาพบกับผู้ป่วยที่บ้าน พร้อมทั้งมีการนำยาแก้ไอมาเปลี่ยนให้ และมาอธิบายวิธีใช้ยาแก้ไอ พร้อมทั้งมาขอโทษผู้ป่วยและญาติอีกด้วย
จากการสอบถามนางสคราญ เล่าว่าตนเองไปโรงพยาบาลเพราะตนเองเป็นหืดหอบเรื้อรัง หมอนัดเคยผ่าตัดลิ้นหัวใจตีบ นัด 3 เดือนบ้าง 4 เดือนบ้าง ตนมาดูก็เห็นว่าเป็นยาทาภายนอก ให้หลานดูก็บอกเป็นยาแชมพู ฟองเยอะมาก ตอนทานยาเห็นว่าฝายาสีแปลกไปก็นึกว่าเขาเปลี่ยนฝาแบบใหม่ ที่ทานเพราะความเคยชินจากยาที่รับมาไม่เคยผิดพลาด ปกติหมอจะให้ยาแก้ไอมะขามป้อมมาทาน แต่ครั้งนี้เขาจ่ายยาที่เขียนหน้าซองว่ายามะขามป้อม แต่ฉลากในขวดไม่ได้อ่านเลยทานเข้าไป พอน้ำยาลงคอก็รู้สึกว่ายามีรสชาติขมออกร้อนจึงบ้วนทิ้ง ในใบจ่ายยาก็ระบุเป็นยาแก้ไอ ซึ่งตนเองก็รับกลับมาบ้านเป็นประจำ
ด้านพระคมสันต์ จารีย์กุล เผยว่าเภสัชกรหรือเจ้าหน้าที่จัดยาน่าจะตรวจดูให้ดีก่อน ตอนผู้ป่วยไปรับยาเภสัชกรจะต้องบอก แต่อันนี้เภสัชกรจ่ายยามาให้แต่ไม่ได้บอก ส่วนผู้ป่วยก็ด้วยความเชื่อใจจึงทานเข้าไป ที่โพสต์เพราะเป็นห่วงทั้งแม่ทั้งส่วนรวม อยากให้เป็นอุทาหรณ์ คือถ้ามีผู้ป่วยเกิดได้ยาที่กินไปแล้วมันไม่ถูก โรงพยาบาลจะรับผิดชอบไหวหรือไม่ ตนเองเป็นพระไม่อยากจะเอาเรื่อง แต่อยากให้ทางโรงพยาบาลรอบคอบกว่านี้
ขณะที่นายแพทย์นิติ เหตานุรักษ์ ผอ.โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ ได้ให้สัมภาษณ์ว่าตนเองได้รับรายงานว่ามีการจ่ายยาสลับกัน ตนจึงมาตรวจดูยอมรับว่ายาน้ำมีลักษณะใกล้เคียงกันจึงมีการสลับขวดกัน วันนี้ก็ได้ชี้แจงและทบทวนว่าคนไข้ที่มาโรงพยาบาลเยอะมากทำให้ซ้ำ วันนี้ทางเภสัชกรรมก็จะได้มาเช็กยาว่าตัวไหนมันหมดอายุไปแล้ว ตอนนี้ทางเภสัชกรได้ทราบแล้วจะไปทำการแยกประเภทขวดสีลักษณะสี โดยปกติยาทั่วไปจะมีสติกเกอร์ยาอยู่แล้ว ซึ่งตนจะได้เข้มงวดในการแปะสติกเกอร์ยา การแยกตู้ยาออกจากประเภทยาออกจากกัน ทางโรงพยาบาลขอขอบคุณทุกท่านและพร้อมจะปรับปรุง