ลุกซ์ ชาญวิทย์ น้อง ใบเตย อาร์สยาม เปิดใจทั้งน้ำตา ชีวิตเหมือนจอดับสนิท หลังพี่สาวเข้าเรือนจำ-แฟนหนุ่มเสียชีวิต เรารักษาใครไว้ไม่ได้เลย
สำหรับ ลุกซ์ ชาญวิทย์ น้องชายของ ใบเตย สุธีวัน หรือ ใบเตย อาร์สยาม ล่าสุดได้ออกมาเปิดใจครั้งแรกผ่านช่องยูทูปส่วนตัวในชื่อตอนว่า Luxii Hometour EP.05 (Final) เราอยู่จะอยู่ด้วยกันตลอดไป โดย ลุกซ์ ชาญวิทย์ ได้เล่าทั้งน้ำตาหลังเจอมรสุมชีวิตครั้งใหญ่ แฟนหนุ่มเสียชีวิตและพี่สาวเข้าเรือนจำ
โฮมทัวร์อีพีนี้มีลุกซ์คนเดียว อย่างที่รู้กันพี่ภูมิได้จากไปแล้วเมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา สาเหตุการเสียชีวิตปอดอักเสบและติดเชื้อจากภาวะทรกซ้อนจากสมองที่มีอาการฟกช้ำ เกิดเหตุวันที่ 4 พ.ค.2566 ตอนเที่ยงคืน โดนรถเฉี่ยวชนแถวๆ บ้าน พี่ภูมิขับมอเตอร์ไซด์แล้วมีรถยนต์มาชน วันนี้ลุกซ์ไม่ได้อยู่ด้วย พอรู้เรื่องก็รีบไปโรงพยาบาล
หลังผ่าตัดเสร็จหมอบอกว่าญาติต้องทำใจนะเพราะสมองกระทบกระเทือนมาก มีโอกาสกลับมาเหมือนเดิมแค่ 3 % แต่ไม่ว่าจะยังไงภาพที่เราเห็นคือเราจะยังได้ใช้ชีวิตอยู่กับเขาเหมือนเดิม ไม่ใช่ว่าหลอกตัวเอง แต่เวลานั้นทุกคนก็มีความหวัง พอผ่าตัดรอบที่สองเริ่มดีขึ้น รับอาหารได้ แต่หมอก็บอกว่ามีโอกาสเป็นเจ้าชายนิทราหรือไม่ก็เป็นผู้ป่วยติดเตียงที่ลืมตาได้ ลุกซ์ก็ไปเยี่ยมพี่ภูมิเกือบทุกวัน
จนเรื่องราวผ่านมาตรงที่ “พี่เตย” ถูกตัดสินคดีให้ฝากขัง วันนั้นก็เป็นอีกวันที่รู้สึกแย่มาก เหมือนเรารักษาใครไว้ไม่ได้เลย เพราะเขาเป็น 2 คนที่ลุกซ์รักมากๆ ในชีวิต คนหนึ่งก็เป็นพี่สาวที่ใช้ชีวิตด้วยกันตั้งแต่เด็กจนโต มาอยู่กรุงเทพฯก็มาด้วยกันสองคน อีกคนก็เป็นแฟนที่ตั้งแต่คบกันมาปีนี้เข้าปีที่ 12 แล้วก็ไม่เคยคิดว่าชีวิตตัวเองจะมีวันนี้ เพราะว่าที่ผ่านมาในชีวิตเรื่องอื่นๆ ก็ทำร้ายเรามาตลอด
แต่มีเรื่องนี้เรื่องเดียวที่ไม่เคยทำร้ายเราเลย แล้วก็เป็นความสบายใจ เป็นบ้านที่มาทุกครั้งเราจะรู้สึกแฮปปี้ เราไม่เคยคิดถึงวันนี้เลยเพราะเรารู้สึกว่าเขาคงจะเป็นคนที่จะไม่ได้สร้างความไม่สบายใจให้เรา และเขาเป็นที่พึ่งให้เรามาโดยตลอด พอหลังจากที่พี่เตยถูกประกาศให้ฝากขัง ชีวิตลุกซ์ก็เหมือนจอที่ดับสนิท
แล้ววันที่คุณหมอบอกว่าพี่ภูมิอาการดีขึ้นเหมือนมันมีแสงออกมาอยู่บ้าง เหมือนมีความหวังในใจว่าถ้าเราไปที่โรงพยาบาลเราจะได้เจอเขาเผื่อเขากลับมา (เสียงสั่น น้ำตาคลอ) จนวันที่ลุกซ์ไปเจอเขาอีกทีที่โรงพยาบาล เห็นสภาพเขาแล้วก็ตกใจเพราะพี่ภูมิผ่าเจาะคอ จากนั้นอาการก็แย่ลงเพราะมีภาวะแทรกซ้อนปิดติดเชื้อและอักเสบ
ซึ่งวันที่ไปเยี่ยมเราไม่รู้เลยว่ามีอาการนี้อยู่ คิดว่าใส่ท่อตรงคอแล้วคงจะดีขึ้น ไปเยี่ยมโดยที่มีความหวังอยู่เต็มเปี่ยมกว่าพี่เขาคงจะดีขึ้น แต่พอไปพี่พยาบาลก็บอกว่าคนไข้แย่ลงนะคะ จากประโยคที่คุยกันทำให้รู้ได้ว่าน่าจะเป็นวันนี้แหละ พยาบาลแจ้งว่าญาติจะต้องตัดสินใจเรื่องการใช้เครื่องปั๊มหัวใจ เพราะว่าเครื่องตัวนี้มีผลเอฟเฟ็กต์ค่อนข้างเยอะ ถ้าอยากให้พี่ภูมิมีชีวิตต่อ ทางญาติต้องรับผลที่ตามมาให้ได้ซึ่งเรื่องนี้ลุกซ์ตัดสินใจเองไม่ได้ ก็กลับมาบ้านเพื่อแจ้งข่าวพ่อกับแม่ของเขา
ตอนที่เราคุยกัน ตัดสินใจว่ายังไงก็จะปั๊มหัวใจ เราว่าพี่ภูมิสู้แน่ๆ เราจะไม่ตัดโอกาสในการใช้ชีวิตของเขา อยากให้เขาได้สู้ด้วยตัวเองแต่พอตอน 6 โมงเย็น เราไปเจอ สภาพพี่ภูมิก็แย่ลงอีก (ร้องไห้) จนพ่อกับแม่ไปคุยกับคุณหมอ ตัดสินใจอีกแบบนึงซึ่งเราทุกคนต้องรับเหตุการณ์ให้ได้ พ่อแม่พี่ภูมิเขาเข้มแข็งมาก เราก็ต้องเข้มแข็งเช่นกัน คือพี่ภูมิปอดล้มเหลว สมองเสียหายไปเยอะ ความดันแย่ลงมากๆ ความดันต่ำมากๆ
แต่มีอย่างเดียวที่ยังทำหน้าที่ได้ดีอยู่คือ หัวใจยังเต้นอยู่ ผิดกับส่วนอื่นๆ พยาบาลบอกว่าแปลกมาก จริงๆ หัวใจน่าจะตามไปด้วย เราก็เลยรู้สึกว่ายังมีความหวังว่าถ้าหัวใจยังเต้นอยู่ เดี๋ยวส่วนอื่นๆ ก็จะกลับมา ตอนนี้สิ่งที่เราคาดหวังอย่างน้อยต่อให้แกจะไม่กลับมาเดิน มาพูด ขอให้ยังมีชีวิตอยู่กับเราก็พอ
วันนั้นลุกซ์ขับรถกลับบ้านด้วยความรู้สึกว่าพรุ่งนี้คงได้เจอกันอีก สิ่งที่ลุกซ์กลับถึงบ้านแล้วทำคือนั่งพิมพ์จดหมายฉบับนึงเพื่อส่งให้พี่เตยในเรือนจำ เพราะลุกซ์ไม่สามารถเยี่ยมพี่เตยได้ พี่เตยกักตัวอยู่ ลุกซ์ก็เขียนจดหมายถาพี่เตยเหมือนที่ทำทุกวัน แล้วหมอก็โทรมาให้ไปโรงพยาบาลทันที ลุกซ์รู้ตั้งแต่เห็นเบอร์ก็รู้แล้ว
ตอนนั้นต้องรวบรวมสติมาก เพราะลุกซ์ต้องพิมพ์จดหมายฉบับนี้ให้เสร็จ ถ้าพิมพ์ไม่เสร็จก็เท่ากับวันนั้นลุกซ์จะผิดสัญญากับพี่เตย (ร้องไห้) เพราะลุกซ์บอกพี่เตยว่าจะส่งจดหมายหาทุกวัน (ร้องไห้) ก็นั่งพิมพ์จนจบ แล้วก็ไปโรงพยาบาล หัวใจพี่ภูมิเต้นน้อยลงๆ เราอยู่ตรงนั้นกันทั้งครอบครัว จนพี่ภูมิจากเราไป หลังจากนั้นลุกซ์ก็อยู่ในทุกพิธีการของพี่ภูมิ ลุกซ์ทำสมบูรณ์แล้วกับคนที่ลุกซ์รักมากที่สุดในชีวิต