เปิดชีวิต "อ๊อฟ พงษ์พัฒน์" หลังป่วยเส้นเลือดในสมองตีบกว่า 5 ปี เชื่อโรคเวรโรคกรรม

6 มิ.ย. 66

อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ ชีวิตหลังต้องฝ่ามรสุมป่วยเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบนานกว่า 5 ปี เชื่อโรคเวรโรคกรรม


เปิดชีวิตนักแสดง ผู้กำกับและร็อคเกอร์ใจนักเลงในตำนาน อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง กับชีวิตหลังต้องฝ่ามรสุมป่วยเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบนานกว่า 5 ปี เชื่อเป็นโรคเวรกรรม พร้อมเผยความในใจสุดซึ้งถึง แดง ธัญญา ภรรยาคู่ชีวิต ทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บShow Special 

อ๊อฟ พงษ์พัฒน์

5 ปีที่แล้วล้มป่วยเรียกว่าโรค ?
อ๊อฟ : หลอดเลือดในสมองตีบ ไม่แตก

แล้วทุกวันนี้เป็นยังไงบ้างพี่ ?
อ๊อฟ : ก็ดีขึ้น ดีขึ้น แต่ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ พูดยังไม่ชัดเดินพอได้

แล้วมันไม่มีทางหาย ?
อ๊อฟ : มี แล้วแต่อาการของแต่ละคน บางคนก็หายขาดเลย บางคนก็มีอาการที่เห็นภายนอก

ขอย้อนเวลากลับไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว 16 สิงหา ปี 61 วันนั้นเกิดอะไรขึ้น ?
อ๊อฟ : ไปทำงานตามปกติ ไม่มีอาการอะไรบอกเลย ความคิดเราคือไม่มีสัญญาณอะไรบอกเลย แต่จริงๆแล้วมี อย่างเช่นตื่นมาแล้วเวียนหัว นี่เค้าเตือนแล้วเราก็นอนแล้วซักพักก็หาย วันที่เป็นมีอาการปวดบ่ายังบอกลูกสาวเลยว่าพ่อปวดบ่านวดให้หน่อย ตอนนั้นขับรถอยู่แล้วก็ไปทำงานตามปกติ อาการมันเหมือนคนเป็นลม เวียนหัว รู้สึกเหมือนเรานอนน้อย แต่มันก็ดีขึ้นก็คิดว่าไม่เป็นไร ก็ยืนกำกับใหม่ เจริญปุระอยู่ แล้วก็เดินมาที่หน้ามอนิเตอร์บอกลูกน้องว่าพี่มีอาการคล้ายจะเป็นลม พี่สงสัยขาดโพแทสเซียมให้กินกล้วยหอม ก็ส่งกล้วยหอมมาให้พอรับปุ๊ปมันหล่นเลย ลองลุกขึ้นยืนมาอีกแล้วทิ้งตัวลงตู้มเลย บอกลูกสาวว่าพ่อไปละ

อ๊อฟ พงษ์พัฒน์

ไปแล้วของพี่หมายความว่ายังไง ?
อ๊อฟ : ตาย (หัวเราะ) พี่เป็นคนไม่ซีเรียสเรื่องความตาย ตอนก่อนนอนพี่จะสมมติว่าตัวเองตาย เรียกว่าหัดตายแล้วก็คิดอะไรดีๆก่อนตาย เราไม่รู้ว่าเราหลับไปแล้วเราจะตื่นหรือไม่

แล้วพาพี่ส่งโรงพยาบาลเลยมั้ย ?
อ๊อฟ : ไปเลย เค้าพาอุ้มไปโรงพยาบาลไม่ถึง 5 นาที เพราะโรงพยาบาลอยู่ข้างหน้าแล้วก็ฉีดยาขยายหลอดเลือด สลายลิ่มเลือด

ตื่นมาอีกวันหลังจากเจอหมอแล้วกลัวมั้ยจะกลับมาไม่เหมือนเดิม ?
อ๊อฟ : รู้แล้วว่ามันหายไปครึ่งนึง ยกแขนไม่ได้ เดินไม่ได้

พี่คิดอะไรกับตัวเองบ้างตอนนั้น ?
อ๊อฟ : ไม่คิด พักผ่อน (หัวเราะ)

อ๊อฟ พงษ์พัฒน์

ตอนที่อยู่ที่โรงพยาบาลแล้วตื่นมาเจอพี่แดง พี่แดงพูดกับพี่ว่า ?
อ๊อฟ : ไม่เป็นไร เค้าชอบพูดคำนี้อะไรก็ตาม มีเรื่องอะไรก็ตามคำแรกที่แค่พูด ไม่เป็นไร สิ่งแรกเลยที่บอกกับพี่แดงคือขอโทษเค้าที่เราไม่ดูแลตัวเองเรารู้ตัว ขอเวลาพัก 1 ปี แล้วจะทำงาน แต่พูดแบบไม่รู้เรื่อง พูดแบบเราเข้าใจเอง เพราะยังไม่พูดไม่ชัด ตอนทำงานพี่ก็ยังพูดไม่ชัดเลย แต่พี่คิดว่าการพูดไม่ชัดไม่ใช่หน้าที่เราเป็นหน้าที่ของคนฟัง(หัวเราะ)

กายภาพลำบากมั้ย ?
อ๊อฟ : ไม่ครับ ถ้าหากว่าคุณเป็นสโตรกหมอรู้เลยว่าต้องทำอะไรบ้าง ควบคุมอาการที่มันตันอยู่ไม่ให้แตก ควบคุมความดันไม่ให้มี หลังจากนั้นเป็นเรื่องของการฟื้นฟูล้วนๆ คือเข็นรถเราไปนอนอยู่ที่ห้องกายภาพ ถ้าเรารักษามัน ดูและมัน ฟื้นฟูมัน ดีขึ้นแน่ๆ ผมดีกว่าเมื่อวาน จงเชื่อว่ามันดีขึ้น ถ้าเราปฏิบัติในการฟื้นฟูกายภาพ

ตอนแรกพี่กายภาพทุกวัน ?
อ๊อฟ : ทุกวัน แรกๆอยู่โรงพยาบาล 1 เดือนกับอีก 20 วัน ออกจากโรงพยาบาลนั่งรถเข็นเห็นทางลาด เลยคิดในใจว่าเป็นภาระ ให้เวลาเดือนนึงจะเอาออกไปให้หมด พยาบาลก็ต้องมานอนเฝ้าเรา เหมือนกันเดือนนึงไล่กลับบ้านเลย ครบ 1 เดือนพี่เอาออกหมดไล่กลับบ้าน เดินไม้เท้าได้ เราก็ไล่พยาบาลกลับแต่เป็นภาระของเมียและลูก(หัวเราะ)

อ๊อฟ พงษ์พัฒน์

หลังจากที่เราต้องหัดเดินใหม่มันเหมือนที่เค้าพูดกันมั้ยว่าก็เหมือนเด็กที่ต้องเริ่มฝึกใหม่ ?
อ๊อฟ : ไม่เหมือน พี่ยิ่งกว่าเด็ก (หัวเราะ) เด็ก 1 ปีตั้งไข่ 2 ปีเดินได้ แต่เค้าไม่รู้เรื่องว่าขาฉันเดินไม่ได้ แต่เราที่เป็นเรารู้ตัวตลอด นี่ไม่ใช่ 2 ปีนะ จะ 5 ปีแล้ว ต้องเข้าใจว่าเราจะกลับมาเดินได้มันต้องใช้เวลา อาจจะฝึกหนัก เดินเร็วหายได้เร็ว ถ้าฝึกน้อยก็หายช้าหน่อย วันนี้วิธีคิดคือฉันต้องดูแลตัวเองให้ได้ พี่ชอบเที่ยวสิ่งแรกคือขอไปเที่ยวเมืองนอกได้ ปีแรกพี่ไปญี่ปุ่นเลย

กี่เดือนจากที่ล้ม ?
อ๊อฟ : ประมาณปีนึง

เวลาพี่ไปก็ปกติเลยดูแลตัวเอง ?
อ๊อฟ : พี่ไม่ชอบเที่ยวแบบเป็นแพทเทิร์นตามตารางของทัวร์ พี่จะเช่ารถแล้วขับไปกันเอง

ตอนแรกๆที่เราขยับร่างกายไม่ได้ อารมณ์เหวี่ยงมั้ย ?
อ๊อฟ : น้อยมาก ถามว่าอารมณ์เหวี่ยงมั้ย มี เราพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง ตอนแรกเรายังค้นหาปรัชญาส่วนตัวเราไม่ได้ จะหงุดหงิดมาก มี ยอมรับแต่ว่าดึงกลับมาให้เร็ว เพราะทั้งหมดนี้เป็นทุกข์หมดเพราะถ้าเรายิ่งไปโวยวายยิ่งไปอาละวาดมันเพิ่มทุกข์ธรรมะช่วยได้เยอะ ปกติเป็นคนชอบธรรมะอยู่แล้วชอบสวดมนต์แต่เราไม่มีเวลาไปศึกษาแต่เชื่อมั้ยตั้งแต่เป็นสโตรกมีเวลาได้อ่านได้เข้าใจมากขึ้นกว่าเดิม ตรงนั้นเราเอามาช่วยในเรื่องของความคิด เรื่องของอารมณ์ได้ดีมากๆ

อ๊อฟ พงษ์พัฒน์

แล้วพี่แดงหมายถึงอะไรที่บอกว่าเป็นช่วงการเอาคืนของพี่อ๊อฟ ?
อ๊อฟ : พี่เป็นคนชอบสะสม ก่อนป่วยพี่ไปดูนาฬิกาที่ร้านเพื่อนไปเจอนาฬิกากุ๊กกูตัวนึงตัวใหญ่มากตัวใหญ่สุดตั้งแต่เคยเจอมา ถามราคาแสนกว่าบาท แม่ขอซื้อ เค้าก็บ่น เลยไม่ได้ซื้อ กูป่วยเลย (หัวเราะ) เมียผมก็แอบไปซื้อให้วันเกิด กันยาก็ได้แล้ว (ยิ้ม) แต่มันเป็นอาการของโรคนะ เรียกชื่อน้องสาวเป็นลูกสาว น้องสาวพี่ชื่อแอ๋ว เราเรียกแอ๋วๆ แต่เรียกลูกสาวพี่ แล้วก็เรียกไรเฟิลเรียกเป็นชื่อน้องชาย คงเป็นอาการของโรค แต่โชคดีมากเรยีกชื่อเมียไม่ผิด(หัวเราะ)

เรื่องความทรงจำพี่มีปัญหามั้ย ?
อ๊อฟ : มีแน่ๆ ตอนแรกๆพี่เป็นคนที่สวดมนต์ทุกวัน บทสวดทุกอันลืมหมดเลยพี่แดงต้องเขียนติดไว้ที่ข้างฝาแล้วพี่ก็นอนอ่าน (แล้วมันกลับมามั้ย) กลับมา ทุกวันนี้ก็สวดได้ แล้วก็มีอาการที่ประหลาดอยู่อย่างคือเวลาขับรถคอยจะระแวงไปบอกทางเค้า แต่บอกผิด เป็นช่วงแรกๆ ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว

แล้วของที่เราสะสมไว้ ?
อ๊อฟ : จำได้ทุกชิ้น

ตลอด 5 ปีที่ผ่านมามีท้อมั้ย ?
อ๊อฟ : มันมีบ้างแต่ความโชคดีของพี่คือการที่เราเข้าสู่ธรรมะหรือว่าธรรมชาติมันดึงกลับมาได้เร็วไม่ท้อ พี่ป่วยพอเดินไม้เท้าได้พี่ออกแล้ว ไม่สนใจ พี่ไปงานรับรางวัลตั้งแต่ยังพูดไม่รู้เรื่องเลย

หลายคนไม่กล้าแม้แต่เป็นคนปกติไม่ได้เป็นนักแสดงไม่มีคนรู้จัก พอเป็นปุ๊ปไม่อยากออกไปไหนแล้ว ?
อ๊อฟ : วันเวลาที่เราปกติเพราะว่าเราหล่อ เราอยากให้เค้าชื่นชมแล้วพอเราเป็นอย่างนี้ เราไม่หล่อ เราต้องไม่ออกไปเหรอ ถ้าไม่หล่อก็ออกไปได้ จะเป็นยังไงก็ช่างมัน

อ๊อฟ พงษ์พัฒน์

โรคนี้เป็นโรคของเวรกรรมพี่อ๊อฟเชื่อเรื่องนี้มั้ย ?
อ๊อฟ : เป็นโรคของเวรกรรมแน่นอน เวรกรรมในที่นี้หมายถึงกรรมในชาติที่แล้วหรือกรรมในชาตินี้ทั้งสองถูกต้อง กรรมชาติที่แล้วคือเราอาจจะไม่ทำอะไรมา ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตอะไรก็แล้วแต่ กรรมในชาตินี้ก็คือนอนน้อย กินน้ำน้อย เครียดสะสม ความดันไม่ควบคุม ปัจจัยทั้งหมดมีกี่อย่างพี่ทำหมด มันคือกรรมในชาตินี้ที่พี่ทำ

กรรมจากสิ่งที่พี่ทำแต่ไม่ใช่จากละครกรงกรรมใช่มั้ย เพราะพี่กำกับกรงกรรม ?
อ๊อฟ : ไม่ๆ ในการผลิตคอนเท้นท์ทุกอัน เราทำด้วยจิตใจที่ดี เราไม่ดูถูกเพราะเรามีการบวงสรวงตลอด อย่างพี่ทำเรื่องพญานาค พี่ล้มตอนทำเรื่องนาคี 2 บางคนก็บอกว่าเป็นเพราะอะไรหรือเปล่า เราบวงสรวงใหญ่ด้วย ไม่ดูถูก ไม่ประมาท ทำเต็มที่ที่เราทำแล้ว

กายภาพก็แล้ว หาหมอก็แล้ว หมอไสยศาสตร์พี่ก็ไป ?
อ๊อฟ : ถ้าพวกคุณเป็นอยางนี้จะรู้ว่า ความเชื่อต่างๆมันเข้ามาหมด เราก็ไขว่คว้า ไปรดน้ำมนต์ก็ไป ฝังเข็มก็ไป กินสมองหมูก็ไป สมองหมูกินเยอะมากนะ ต้องฉีดเป็นสเต็มเซลล์

สมองหมูเค้าเชื่อว่าอะไร ?
อ๊อฟ : ทำจากสมองหมู เพราะสมองหมูจะคล้ายกับสมองคนมากที่สุด พี่ไปให้จนพี่จะร้องอู๊ดอู๊ดแล้ว

คร่าวๆตอนนี้รักษามาเท่าไหร่แล้ว ?
อ๊อฟ : หลักล้านแน่นอน เฉพาะตอนออกจากโรงพยาบาลก็กว่าแล้ว

อ๊อฟ พงษ์พัฒน์

ตลอด 30 ปีที่แต่งงานกันมามีทั้งสุขและทุกข์ ปลอบใจกันยังไง ?
อ๊อฟ : มันอยู่กันจนไม่ต้องพูดอะไรกันแล้ว พี่คบกันก่อนแต่งงาน 8 ปี แต่งงานกันมา 30 กว่าปี เหมือนรู้ใจกัน เราไม่ทำอะไรที่เค้าไม่ชอบ เค้าก็เหมือนกันเข้าใจในระดับหนึ่ง ส่วนจะพูดให้กำลังใจกันมั้ยก็พอมีบ้างในวันที่อ่อนแอ ก็จะพูดตามสถานการณ์อย่างเช่น ไม่ต้องฟังมาก ไม่ต้องไปคิดมาก แต่พี่แดงจะพูดว่าไม่เป็นไร

ถ้าพี่แดงดูอยู่ตอนนี้อยากจะบอกอะไรเค้า ?
อ๊อฟ : 40 กว่าปี ไม่มีวันไหนที่รักน้อยลงกว่าเมื่อวานเลย ไม่มีอะไรที่จะบอกนอกจากรักนะ รักกว่าเมื่อวานนะ ลูกก็เหมือนกัน

มีช่วงที่พี่แดงเค้าเครียดมั้ย ที่ดูแลเรา ช่วยเรา ?
อ๊อฟ : มีครับ คือเราขอบคุณเค้าอยู่แล้ว บอกเค้าเลยว่าไม่ต้องห่วงนะ ปีนึงจะทำงานให้ได้

พี่แดงเครียดจนคิดว่าจะเป็นสโตกตามพี่ ?
อ๊อฟ : เวลาเราเป็นอะไรคนไม่สบายไม่ใช่ภาระ ภาระทั้งหมดตกอยู่กับคนรอบข้าง ถ้าคุณไม่อยากเป็นภาระในครอบครัวคุณก็อย่าป่วย ต้องป้องกันปรึกษาหมอก็ได้ หาในยูทูปก็ได้ วิธีการรักาวิธีการดูแลตัวเอง วิธีป้องกันไม่ให้เป็นโรคสโตกในนั้นก็มีตั้งเยอะแยะ แต่อย่าเพิ่งไปเชื่อนะ ปรึกษาหมอก่อน

พี่ยังมีความหวังมั้ยว่าพี่จะหายเป็นปลิดทิ้ง ?
อ๊อฟ : ความหวังมีไว้พุ่งชนเหมือนกับเป้าหมายแต่ว่าเราจะไปได้มากเท่าไหร่เต็มที่ความสามารถขอเรา แต่สิ่งสำคัญที่สุดเราต้องอยู่กับมันให้ได้ ความรักในครอบครัวสำคัญที่สุดและสวยงามที่สุดไม่ต้องไปหาที่อื่น

อ๊อฟ พงษ์พัฒน์

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม