เสี่ยงตาย! เด็กน้อยข้ามถนนทางหลวง 4 เลน ไป โรงเรียนเช้า-เย็น ผอ.โรงเรียนหวั่นเกิดอุบัติเหตุสูญเสีย วอนช่วยเร่งสร้าง สะพานลอย
วันที่ 9 มิ.ย. 66 มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ “พีรวัตร์ แก้วมะดันวินากูล” เผยแพร่ภาพบรรยากาศ ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจของหน่วยบริการตำรวจทางหลวงบ้านส้ม อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา กำลังอำนวยความสะดวกดูแลจราจร และคอยรอโบกหยุดรถ เพื่อให้ครูและนักเรียน โรงเรียนบ้านส้มมิตรภาพที่ 93 ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนมิตรภาพ บริเวเณหมู่ที่ 2 บ้านส้ม ต.ดอนชมพู อ.โนนสูง ได้ข้ามถนนไปอีกฝั่ง เพื่อมาโรงเรียนในตอนเช้า และเดินทางกลับบ้านในช่วงเลิกเรียนตอนเย็นทุกวันจันทร์ถึงศุกร์
โดยทางโรงเรียนได้จัดครูเวร มาถือธงแดง คอยโบกรถและดูแลนักเรียน เพื่อช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ท่ามกลางสภาพการจราจรที่ดูน่าอันตรายอย่างมาก เนื่องจากเป็นถนนหลวง เส้นทางสายหลักนครราชสีมา - ขอนแก่น แต่ละฝั่งถนนจะมี 2 ช่องจราจรและไหล่ทางที่กว้าง รถจึงใช้ความเร็วค่อนข้างสูง
ซึ่งนอกจากครูและนักเรียนจะต้องเสี่ยงอันตรายจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงก็ต้องสี่ยงตาย คอยโบกให้สัญญาณแก่ผู้ขับขี่รถ ให้ชะลอและหยุดรถ เพื่อเปิดทางให้เด็กนักเรียน ครู และผู้ปกครองได้ข้ามถนนไปอีกฝั่ง ซึ่งภาพแบบนี้จะมีให้เห็นทั้งช่วงเช้าและช่วงเย็นต่อเนื่องมาหลายปี
ทั้งนี้ นางสิริวิมล มุลานนท์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านส้มมิตรภาพที่ 93 เปิดเผยว่า โรงเรียนตั้งอยู่ริมถนนมิตรภาพ เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก ปีนี้มีนักเรียนอยู่ 64 คน และมีผู้บริหารกับบุคลากรครู อีก 11 คน เปิดการเรียนการสอนในระดับชั้นอนุบาลที่ 2 ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ซึ่งทางโรงเรียนได้ทำหนังสือร้องขอความอนุเคราะห์ก่อสร้างสะพานลอยไปที่หมวดทางหลวงโนนสูง แขวงทางหลวงนครราชสีมาที่ 1 สำนักทางหลวงที่ 10 (นครราชสีมา) ตั้งแต่ปี 2565 โดยทางแขวงฯ แจ้งว่า จะบรรจุเข้าในแผนปีงบประมาณ 2566 ให้ แต่ก็ตกไป จึงทำเรื่องขอไปอีกในปีนี้ และทางแขวงฯ ก็แจ้งกลับว่า จะบรรจุเข้าในแผนปี 2567 ซึ่งช่วงนี้ก็น่าจะอยู่ในช่วงการพิจารณางบประมาณของปี 2567 แต่ทางโรงเรียนก็รู้สึกกังวลว่า จะถูกปัดตกไปอีกหรือไม่ เพราะเหลืออีกไม่กี่เดือนเท่านั้นก็จะเข้าปีงบประมาณ 2567 แล้ว ทุกคนในละแวกนี้อยากได้สะพานลอยจริงๆ เพราะต้องข้ามถนนกันแทบทุกวัน
นางสิริวิมล กล่าวต่อว่า สภาพถนนหน้าโรงเรียนจะเป็นช่วงทางโค้งพอดี เลยออกไปประมาณ 200-300 เมตร จะเป็นจุดให้เลี้ยวกลับรถ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเคยแนะนำให้พานักเรียนเดินเลาะริมถนนไปจนถึงจุดกลับรถจึงค่อยพากันข้าม แต่ทางโรงเรียน มองว่า เด็กส่วนใหญ่ยังเป็นเด็กประถม มีความซุกซน ระหว่างเดินอาจมีการหยอกล้อกัน ก็จะยิ่งเสี่ยงอันตรายมากขึ้น จึงขอข้ามที่ด้านหน้าโรงเรียนเพียงจุดเดียวน่าจะสะดวกและปลอดภัยกว่า ส่วนเด็กนักเรียนชั้นอนุบาลไม่อยากเสี่ยงให้เดินข้าม นักการภารโรงของโรงเรียนจึงช่วยเป็นธุระนำรถยนต์ไปรับส่งนักเรียนอนุบาลข้ามฝั่งถนนเข้าสู่หมู่บ้านอย่างปลอดภัย
นางสิริวิมล กล่าวอีกว่า สำหรับช่วงหน้าฝนจะยิ่งลำบากทุลักทุเลกันอย่างมาก เพราะจะต้องรอให้ฝนหยุดตกก่อน จึงจะพากันข้ามได้ แต่ต้องใช้เวลามากกว่าเดิม เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ต้องเสี่ยงตายไปโบกให้รถหยุดค่อนข้างยาก ส่วนใหญ่จะขับมาด้วยความเร็วตามปกติอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอสภาพถนนที่เปียกลื่น หลายคันถึงกับเบรกตัวโก่งจึงสามารถหยุดรถได้ ดูแล้วอันตรายอย่างมาก เบื้องต้นได้ขอให้แขวงทางหลวงฯ มาช่วยตัดต้นไม้ด้านหน้าโรงเรียนออกทั้งหมดให้โล่ง ไม่ให้บดบังทัศนวิสัย ผู้ขับขี่จะได้มองเห็นโรงเรียนได้ในระยะไกล จะได้ชะลอความเร็วลงบ้าง
“อยากให้ก่อสร้างสะพานลอยคนข้ามที่บริเวณด้านหน้าโรงเรียนโดยเร็ว เพื่อให้เด็ก ผู้ปกครอง ครู และชาวบ้าน เกิดความปลอดภัยสูงสุด และยังช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุทางถนนนำมาซึ่งความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินได้อีกทางหนึ่งด้วย”