ชาวบ้านหาของป่าหาย 4 วัน เจ้าตัวเล่าตะโกนเรียก จนท.แล้วแต่ไม่มีใครได้ยิน ก่อนเดินออกมาเองแล้วบอกว่า เจอพระธุดงค์ช่วยเอาไว้ถึงออกมาได้
นายอำเภอสังคม จ.หนองคาย บูรณาการหน่วยงานในพื้นที่ และหน่วยกู้ภัยจาก จ.อุดรธานี ค้นหาชาวบ้านเทพประทับ ต.นางิ้ว ที่เข้าไปหาของป่าบนยอด "ภูมืด” สูญหาย 4 วันก่อนจะเดินออกมาจากป่ามาเอง
เมื่อเวลา 08.00 น.วันนี้ (20 มิ.ย. 66) ที่ตีน “ภูมืด” ในเขตอุทยานแห่งชาติป่าพานพร้าว-ป่าแก้งไก่ เขตบ้านเทพประทับ ต.นางิ้ว อ.สังคม จ.หนองคาย นายสมควร ใจซื่อ นายอำเภอสังคม บูรณาการหน่วยงานทั้งในพื้นที่อำเภอสังคม และหน่วยกู้ภัยจากจังหวัดอุดรธานี เข้าค้นหาชาวบ้านเทพประทับ ต.นางิ้ว อ.สังคม จ.หนองคาย ที่เข้าไปหาของป่าบน “ภูมืด” ซึ่งเป็นภูเขาที่อยู่ท้ายหมู่บ้านเทพประทับตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย. 2566 และไม่สามารถติดต่อได้ โดยทราบชื่อผู้สูญหายคือ นายทักษิณ อายุ 50 ปี
ต่อมาเวลาประมาณ 10.00 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังปูพรมค้นหาผู้สูญหายคือ นายทักษิณ เจ้าหน้าที่พบ นายทักษิณ เดินสะพายเป้ลงมาจากภูมืด ท่ามกลางความดีใจของญาติพี่น้องที่เป็นกังวล
จากการสอบถาม นายทักษิณ อรันมาลา ทราบว่า ตนเข้าไปหาของป่าช่วงเช้าวันที่ 16 มิ.ย. ซึ่งป่า “ภูมืด” ตนคุ้นเคยดีตั้งแต่เกิด ซึ่งตนไม่รู้ว่าอยู่บนภูมืดกี่วัน และตนเห็นเจ้าหน้าที่ที่มาค้นหา แต่เมื่อตนตะโกนเรียกไม่มีใครได้ยิน ตนพยายามหาทางออกจากป่าเพื่อกลับเข้าหมู่บ้านก็ไม่พบทางออก ซึ่งก็ไม่รู้สาเหตุว่าเพราะอะไร ทั้ง ๆ ที่ป่าแถบนี้ตนเดินมาตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งไปพบพระธุดงค์รูปหนึ่งในป่า และท่านได้ให้นม 2 กล่องพอกินประทังชีวิต อีกทั้งยังให้พระพุทธรูปตนมา 1 องค์ จนมาวันนี้ก็หาทางเดินออกจากป่าและมาพบกับเจ้าหน้าที่
ด้านชาวบ้านในพื้นที่บอกตรงกันว่าป่า “ภูมืด” เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นพื้นที่หาอยู่หากินของชาวบ้านมานานหลายชั่วอายุคนแล้ว ซึ่งสาเหตุที่นายทักษิณหลงป่า ชาวบ้านทุกคนได้แต่แปลกใจเพราะนายทักษิณเป็นคนพื้นที่ เข้า-ออกป่าตั้งแต่เด็ก ซึ่งชาวบ้านจะได้พูดคุยกันเพื่อเตรียมทำพิธีไหว้ผีป่า เจ้าที่เจ้าทาง เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลกับชุมชนต่อไป
ด้าน นายสมควร ใจซื่อ นายอำเภอสังคม กล่าวว่า ตั้งแต่ทราบว่าชาวบ้านเทพประทับที่เข้าไปหาของป่าที่ป่า “ภูมืด” ตนได้สั่งการเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายบูรณาการร่วมกันเพื่อค้นหา แต่ไม่พบ จนกระทั่งวันนี้เจ้าตัวเดินออกมาจากป่าเองซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะผู้สูญหายอาศัยอยู่กับแม่เพียง 2 คน หากเป็นอะไรไปแม่ซึ่งอายุมากแล้วคงไม่มีคนดูแล จากนี้ก็จะได้ประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านที่เข้าป่าเพื่อหาของป่า ให้ระมัดระวังกันมากขึ้น แม้จะเป็นเจ้าของพื้นที่ก็มีสิทธิหลงป่าได้เหมือนเช่นกรณีนี้ ต้องขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมด้วยช่วยกันในการติดตามค้นหาในครั้งนี้