“อุ๊ หฤทัย” เผยประธานสภาคนใหม่ จะลดความตึงเครียดได้ ยัน “พิธา” แตะ ม.112 ทำชวดเก้าอี้นายกฯ ย้ำถ้าฉลาดจริงก็ไม่ควรไปแตะความมั่นคง ชูเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาล
เป็นอีกศิลปินที่มีจุดยืนทางการเมืองชัดเจนมาโดยตลอดอย่าง “อุ๊ หฤทัย” ที่เจ้าตัวได้ออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมืองอยู่เป็นประจำ ซึ่งล่าสุดมีการเลือกประธานสภาและรองประธานคนใหม่นั้น มุมมองของ “อุ๊ หฤทัย” เป็นยังไงบ้าง พร้อมถามถึง “พิธา” จะมีโอกาสได้นั่งเก้าอี้นายกไหม ซึ่งตนก็บอกว่าไม่ได้แน่นอน พร้อมกับชูพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลเพราะ ไม่แตะ ม.112
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีได้เดินทางมาหา”อุ๊ หฤทัย” เพื่อถามถึงมุมมองของตนกับประธานสภาคนใหม่ว่ารู้สึกยังไงบ้าง โดยอุ๊ หฤทัย เผยว่า ก็เป็นไปตามกระบวนการ มองในมุมของตนก็คงลดความตึงเครียดได้ ถ้าเป็นคนของเพื่อไทย ก็คงกลัวว่าทางฝั่งก้าวไกล หรือด้อมส้มจะโจมตี ถ้า “พิธา” ถูกโหวตและเสนอชื่อ และไม่ได้เป็นนายกฯ ก็ไม่เกี่ยวกับประธานสภา ก็ตัดปัญหาไป
ตนคิดว่าพอประธานไม่ได้มาจากก้าวไกลหรือเพื่อไทย มันมีปัจจัยหลายด้านอย่างแรกคือ ส.ว. อีกอันคือตัวพรรคก้าวไกลจะรวมการจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ อยู่ที่การล็อบบี้ แต่เขาก็บอกว่าสำเร็จแล้ว แต่ไม่สืบประเด็นของสมาชิกวุฒิสภาด้วยว่าจะยกมือให้หรือไม่ เพราะว่าประเด็นของ ส.ว. เป็นอุปสรรคของ “พิธา” จริงๆ ต้องยอมรับ เพราะ ส.ว. วิตกกังวลข้อที่ 1 คือเรื่องการแก้ 112 ซึ่งเป็นหมวดความมั่นคง 2. คือเรื่องจุดยืนของพรรคก้าวไกล ซึ่ง “พิธา” เอง ถ้ามาเป็นผู้นำ เป็นนายกฯ ในส่วนของจุดยืนด้านการเมืองระหว่างประเทศ จะมีผลในเรื่องของความมั่นคงระหว่างประเทศ เพราะประเทศไทยมีจุดยืนเป็นกลาง เพื่อดุลอำนาจความขัดแย้งของซีกโลกตะวันตกและตะวันออก โดยมีไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์
นายพิธามีทีท่ามีการแสดงความคิดเห็นในการเมืองของประเทศเมียนมาหลายครั้ง ตนไม่ตัดประเด็นนี้ทิ้ง และคิดว่า ส.ว.เป็นกังวลมาก เราจะไม่ควรก้าวก่ายการเมืองประเทศเขา เพราะเป็นเพื่อนบ้านกัน ถ้าผู้นำประเทศแสดงจุดยืนโอนเอียง ประเทศไทยจะเป็นเช่นไร จะมีการขัดแย้งรุนแรงไหม อย่างยูเครน ที่มีให้เห็นแล้ว คือถึงเป็นผู้นำจากการเลือกตั้งแต่ก็นำความล่มสลายมาสู่ประเทศได้ และพาประเทศเข้าสู่ภาวะสงคราม ตนเป็นห่วงเรื่องนี้ และก็เรื่องแก้ไขมาตรา 112 อีก เพราะฉะนั้นท่าทีของ “พิธา” หรือแม้แต่คณะก้าวหน้าอย่าง “ธนาธร-ปิยะบุตร-ช่อ” จะส่งผลไปถึงความกังวลของสมาชิกวุฒิสภา ว่าจะยกมือให้หรือไม่
การที่คนรุ่นใหม่ถามว่าเลือก "พิธา” จนชนะการเลือกตั้ง ทำไมมาสกัดกั้น ต้องไม่ลืมว่า ส.ว. มาพร้อมกับรัฐธรรมนูญปี 60 ซึ่งมีการรับรองของประชากรไทยถึง 16.8 ล้านคน และเกิดขึ้นได้เพราะกระบวนการยุติธรรม และถูกแทรกแซงโดยฝ่ายบริหาร นั่นคือฝ่าย นิติบัญญัติ ซึ่งเบ็ดเสร็จแล้วในสภา และฝ่ายบริหารคือผู้นำประเทศมีความพยายามที่จะครอบงำฝ่ายตุลาการเป็นฝ่ายที่ตัดสินคดีอาญา ในคดีทุจริตของนักการเมือง โดยการที่แทรกแซงนั่นคือ ส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้ง โดยคนของพรรคการเมืองถูกส่งไปลงสมัครในพรรคเลือกตั้งแล้วชนะมาเป็น ส.ว. เรียกว่า สภาผัว-เมีย เลยทำให้อำนาจตุลาการสั่นคลอน แล้วมันจะจบ ที่มาของ ส.ว.คัดสรรจึงเกิดขึ้นในรัฐธรรมนูญ 60 เด็กและคนรุ่นใหม่เลยไม่เข้าใจเพราะอาจจะเกิดไม่ทัน ประเทศไทยเลยมีหลายชั้นในการโหวตผู้นำประเทศ เพราะที่ผ่านมามีช่องโหว่เยอะ
การที่นายพิธายืนยันว่ารวมเสียงได้แน่นอน ตนบอกว่าถ้าหากว่าสามารถรวมเสียงแล้วชนะ ส.ว. ได้ ก็เป็นนายกฯ เมื่อเป็นนายกฯ ก็ควรบริหารประเทศอย่างที่เคยหาเสียงไว้กับประชาชน ในเรื่องของการกินดีอยู่ดี การพัฒนาประเทศ ปากท้องประชาชนและภัยโรคระบาด ที่เกิดขึเนในอนาคต รวมถึงเศรษฐกิจ และไม่ควรไปสร้างความขัดแย้งให้กับคนในประเทศ เช่น ม.112 ก็ไม่ควรที่จะไปแตะ ส่วนตัวตนมองว่าถ้าพรรคก้าวไกล มัวแต่ไปแก้ ม.112 มันไม่เกิดประโยชน์กับคนที่รอให้พัฒนาประเทศ และที่สำคัญมันจะสร้างปัญหาให้กับตัวนายพิธาเอง ตนก็พูดด้วยความปรารถนาดี
ถามถึงนักวิชาการหลายคน บอกว่า “พิธา” ไม่ได้เป็นนายกฯ ตนมองว่านายพิธาไม่ได้เป็นนายกฯ ตนคิดว่าพรรคเพื่อไทย เพราะว่าอย่าลืมว่าเขามีเส้นสายทางการเมืองเยอะมาก และมีสัมพันธภาพที่ดี ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังประชารัฐของ “บิ๊กป้อม” ถ้าดูพื้นฐานการเมืองแต่เดิมก็เป็นลูกหม้อของเพื่อไทย การคุยและประสานงานกับพรรคภูมิใจไทยก็สามารถทำได้ ตนเลยเชื่อว่า การจัดตั้งรัฐบาลมีโอกาสมากกว่า และเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ก็มีแนวโน้มว่าจะสงบสุขได้เหมือนกัน ตนคิดว่าพรรคเพื่อไทย ก็อยากเป็นรัฐบาลเพราะอยากบริหารประเทศ และไม่โง่พอที่จะไป จุดชนวนความขัดแย้งในการแก้ ม.112 ซึ่งไม่เกิดประโยชน์กับเขาเลย และนั่งบริหารจบใน 4 ปี แบบไม่มีความขัดแย้ง
ตนมองว่าเพื่อไทยควรจะได้เป็นนายกฯ เพราะพรรคที่มาเป็นที่ 1 ถ้าฟอร์มรัฐบาลไม่ได้ แต่พรรคเพื่อไทยอาจจะฟอร์มรัฐบาลได้
เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยจะมีการไปจับมือกับฝ่ายค้านตอนนี้ไหม ตนก็ไม่ทราบ ต้องให้นักการเมืองคุยกัน ถ้าดูจากเกมการเมืองควรเป็นแบบนั้น ตนคิดว่า เพื่อไทยจะไปจับมือกับพลังประชารัฐ เพราะเส้นสายความสัมพันธ์เข้ารู้จักกัน อย่างภูมิใจไทยก็สามารถจับได้ และดูทีท่าที่เขาเสนอชื่อของพรรคเพื่อไทยแล้ว ตนคิดว่า ส.ว.ไม่มีปัญหา ถ้าชนะก็นั่งเป็นรัฐบาลสวยๆ ตนมองว่าเพื่อไทยมาแน่นอน และตนไม่มีปัญหาหากเพื่อไทยขึ้นมาเป็นรัฐบาล ตนยอมรับกติกา ต้องดูอนาคตถ้าเพื่อไทยจะแก้ ม.112 ตนก็ไม่ยอม ประเทศจะลุกเป็นไฟ แต่ตนมั่นใจว่าประเทศไทย ไม่แตะ ม.112
ส่วนจะมีการลงถนนอีกไหม ตนคิดว่า ก็ต้องมา เพราะเพื่อไทยจะเจอม็อบของด้อมส้ม ถ้าเพื่อไทยได้ขึ้นเป็นรัฐบาล ส่วนถ้านายพิธาเป็นนายกฯ แล้วบริหารประเทศไปในทางที่ดีและนำพาประเทศไปได้มันก็ไม่มีม็อบ มันอยู่ที่นายพิธา ถ้าฉลาด จริงๆ แล้วไม่ควรไปแก้ ม.112 ด้วยซ้ำ มันไม่เกิดประโยชน์กับนายพิธาเลย แต่จะเกิดกับใคร ทำไมต้องทำให้ประเทศไทยอ่อนแอ เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่สงบสุข มีสถาบันเป็นที่ยึดเหนี่ยวอยู่แล้ว ทำไมต้องทำให้ประเทศไทยแตกแยกไปรับงานใครมาหรือเปล่า ที่ต้องการให้ภูมิภาคนี้อ่อนไหวสั่นคลอนหรือไม่? ตนแค่ตั้งคำถามในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ถ้าฉลาดจริงก็ไม่ควรไปแตะความมั่นคงเท่านั่นเอง