เมื่อวันที่ 25 ก.ย. เวลา 12.05 น. ตามเวลาท้องถิ่น ณ Asia Society นครนิวยอร์ก
พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับ มาดามโจเซ็ท ชีราน ประธานและหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร Asia Society และคณะผู้บริหาร Asia Society และได้กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ
“การเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนเพื่อความยั่งยืนระหว่างประเทศ จากความแข็งแกร่งภายในสังคมไทย”
พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มากล่าวปาฐกถา ณ Asia Society ถือเป็นปาฐกถาครั้งแรกในรอบ 7 ปี ของนายกฯ ไทย โดยประเทศไทยตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของบริบทโลก ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อเสถียรภาพของสังคมและสวัสดิภาพความกินดีอยู่ดีของประชาชน อาทิ ภัยคุกคามความมั่นคงรูปแบบใหม่ ไปจนถึงปัญหาเชิงโครงสร้าง และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภายใต้ความท้าทายต่าง ๆ เหล่านี้ ไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งมีเสถียรภาพ สันติภาพ และการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสังคมอย่างต่อเนื่อง และถือเป็นภูมิภาคที่เชื่อมต่อและมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเอเชียตะวันออกและเอเชียใต้ หรือที่ฝ่ายสหรัฐฯ ในปัจจุบันรวมเรียกว่า อินโด-แปซิฟิก ถือว่าเป็น
“ภูมิภาคแห่งโอกาส” เนื่องจากมีประชากรรวมกันแล้วเกือบ 3 พันล้านคน ส่วนใหญ่อยู่ในวัยทำงาน อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลก และเป็นศูนย์อุตสาหกรรมการผลิตหลากหลายสาขาที่สำคัญ ประเทศไทยจึงดำเนินนโยบายเพื่อเสริมสร้าง
“ความเป็นหุ้นส่วนเพื่อความยั่งยืน” กับประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศนอกภูมิภาคที่ร่วมความคิด (like-minded) และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ตัวไทยเองเพื่อสามารถแสดงบทบาทนำดังกล่าวได้ดียิ่งขึ้น
พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ประเทศไทย ในช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้วางรากฐานด้านต่าง ๆ และยังให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับปากท้องและการเอารัดเอาเปรียบในสังคม
ด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลปรับปรุงกฎระเบียบ และวิธีทำงานเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับ นักธุรกิจและนักลงทุนเพิ่มขึ้น
ด้านสังคม รัฐบาลประกาศให้การต่อต้านการค้ามนุษย์เป็นวาระแห่งชาติ และได้กำกับดูแลการจัดการปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมาย
ด้านการเมือง ปฏิบัติตาม Roadmap อย่างครบถ้วน
ต่อจากนี้ ประเทศไทยจะเดินไปข้างหน้าภายใต้รัฐบาลประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีมีเป้าหมายคือ จะทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศรายได้สูง ภายในปี 2579 มีความมั่นคง มั่นคั่ง และยั่งยืน มีพัฒนาการทางสังคมที่เป็นธรรมและเท่าเทียมในสิทธิพื้นฐาน เน้นการมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย และไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง ตลอดจน เพิ่มพูนบทบาทเสริมสร้าง
“ความเป็นหุ้นส่วนเพื่อความยั่งยืน” กับนานาประเทศ โดยมีอาเซียนและอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงเป็นจุดตั้งต้น
การเป็นประธานอาเซียนของไทยในปีนี้ ไม่เพียงเน้นการมองไปสู่อนาคต และเสริมสร้างความเป็นแกนกลางของอาเซียนให้เข้มแข็งขึ้นเพื่อเป็นหลักให้ภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกเท่านั้น แต่ยังจำเป็นต้องแสวงหาความร่วมมือ และเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นกับประเทศนอกภูมิภาค โดยเฉพาะประเทศคู่เจรจาต่างๆ ของอาเซียน ภายใต้แนวคิดหลักคือ “ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน” (Advancing Partnership for Sustainability) โดยการดำเนินการดังกล่าวต้องครอบคลุมในทุกมิติหรือ Sustainability of Things (SoTs)