เหลือเชื่อ! แม่ลูกสิ้นใจวันเดียวกัน ลูกเข้าสิงร่างหลาน บอกจะพาแม่ไปอยู่ด้วย สุดท้ายแม่เสียชีวิตห่างกันไม่ถึง 6 ชั่วโมง
แปลก! แม่ตายตามลูก หลังทั้งคู่ผูกพันและรักกันมาก ลูกสาวเสียชีวิตลง ก่อนเข้าสิงผ่านร่างหลานสาว บอกเป็นห่วง ไม่มีคนดูแล ค่ำนี้จะมารับแม่ไปอยู่ด้วย สุดท้ายคุณแม่เสียชีวิตลงจริงห่างกันไม่ถึง 6 ชั่วโมง ก่อนจะมีการตั้งบำเพ็ญกุศลคู่กัน หลานสาวเผยทั้งคู่รักกันมาก หลังจากลูกสาวครองโสดดูแลแม่ มาตั้งแต่สาวๆ หลังคุณปู่เสียชีวิตลง
วันนี้ 13 ก.ค.66 เวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลาวัดคลองน้ำเจ็ด ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง บรรดาญาติพี่น้องได้ร่วมกันตั้งบำเพ็ญกุศลศพของ นางเรียง สงวนนามสกุล หรือ ย่าเรียง อายุ 99 ปี พร้อมกับลูกสาวคือ น.ส.ละออง สงวนนามสกุล (นุ้ย) อายุ 73 ปี หลังจากที่ทั้งคู่แม่ลูกได้เสียชีวิตลงในวันเดียวกัน เมื่อวันที่ 4 ก.ค.66 ที่ผ่านมา โดยเสียชีวิตห่างกันเพียงแค่ประมาณ 6 ชั่วโมงเท่านั้น
ซึ่ง น.ส.ละออง (ลูกสาว) ได้เสียชีวิตลงในเวลา 12.45 น. ที่ รพ.ตรัง ส่วนนางเรียง (แม่) เสียชีวิตลงในเวลา 19.34 น. ที่บ้านพักบริเวณใกล้กับวัดคลองน้ำเจ็ด พร้อมทั้งหลังจากที่ลูกสาวได้เสียชีวิตลง ก่อนที่ผู้เป็นแม่ได้เสียชีวิต ได้เกิดเรื่องราวที่สุดแปลกประหลาด คือลูกสาวที่เสียชีวิตลงไปแล้วนั้น ได้เข้ามาแอบ หรือสิงเข้าในร่างของ น.ส.จันทนา สงวนนามสกุล หรือนุช อายุ 40 ปี ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานของคุณย่า พร้อมกับแสดงอาการร้องไห้เสียใจ บอกว่าได้เสียชีวิตลงแล้ว พร้อมจะมาเอาคุณแม่ไปอยู่ด้วยช่วงคืนนี้ จนกระทั่งคุณแม่ได้เสียชีวิตลงจริงๆ
ด้าน น.ส.จุฑารัตน์ สงวนนามสกุล หรือ ฟ้า อายุ 28 ปี หลานของคุณย่า กล่าวว่า คุณย่ามีลูกทั้งหมด 7 คน เป็นผู้หญิงคือ น.ส.ละออง เพียงคนเดียว นอกนั้นเป็นผู้ชายทั้งหมด และได้เสียชีวิตไปแล้ว 3 คน ยังมีชีวิตอยู่ 4 คน ส่วนสามีคุณย่าได้เสียชีวิตลงไปตั้งแต่คุณย่ายังเป็นสาว และกำลังตั้งท้องลูกคนสุดท้องอยู่ด้วย ทำให้คุณย่าใช้ชีวิตครองโสดมาตลอดกว่า 60 ปี จนถึงเสียชีวิต ส่วน น.ส.ละออง ก็ได้ครองโสดมาตลอดชีวิตเช่นเดียวกัน ด้วยความที่ไม่มีครอบครัว เป็นสาวโสด ทำให้ทั้งคู่ อยู่ด้วยกัน และมีความผูกพันกันมากมาโดยตลอด โดย น.ส.ละออง จะเป็นผู้ดูแลคุณย่ามาตั้งแต่สาวๆ จนย่าแก่ชรา แต่ก็ยังแข็งแรงสามารถใช้ชีวิต เดิน เหินได้ตามปกติ
ต่อมาคุณย่าได้ล้มป่วยด้วยโรคชรา แขน ขา อ่อนแรง จนกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง เมื่อช่วงเดียวกับสถานการณ์โควิด-19 หรือประมาณ 3 ปีที่ผ่านมา ทำให้ น.ส.ละอองซึ่งเป็นลูกสาวที่มาร่างกายแข็งแรง ได้ดูแลคุณย่าเป็นอย่างดีมาโดยตลอด จนกระทั่งประมาณ 1 ปี หลังจากคุณย่าป่วย หรือ 2 ปีที่ผ่านมา น.ส.ละอองได้ป่วยเป็นโรคความดันโลหิต เนื่องจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ แต่ก็ยังสามารถใช้ชีวิตได้ปกติ และดูแลคุณย่าอย่างใกล้ชิดมาตลอด
ต่อมาวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา แพทย์ได้นัด น.ส.ละออง ไปรับยาความดันโลหิตตามปกติ ที่ รพ.สต.โคกหล่อ อ.เมืองตรัง โดยมีอาการปกติดี แต่เมื่อไปถึงปรากฏว่าเกิดเป็นลม ทางทีมพยาบาลที่ รพ.สต.ก็ได้ปฐมพยาบาลเบื้องต้น และให้นอนพัก จนอาการดีขึ้น และรอรับยา เพื่อจะได้กลับบ้าน แต่กลับมีอาการชักเกร็ง จนต้องช่วยกันปั้มหัวใจ หรือ CPR โดยที่ชีพจรเต้น แต่ไม่มีคลื่นหัวใจ และได้นำตัวส่งต่อมาที่ รพ.ตรัง แต่ในระหว่างนำส่งทางทีมแพทย์ก็ได้ช่วยเหลือเต็มที่ แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตได้ จนเสียชีวิตลง
หลังจาก น.ส.ละออง ได้เสียชีวิตลง น.ส.จันทนา ซึ่งเป็นหลานได้ไปบอกคุณย่าที่นอนอยู่ว่าลูกสาวได้เสียชีวิตแล้ว แต่คุณย่าบอกว่าไม่ใช่เรื่องจริง และกลับไม่เชื่อ จนกระทั่งมีการนำร่างของ น.ส.ละอองมารดน้ำศพที่วัด ปรากฏว่า น.ส.จันทนา มีอาการแปลกเกิดขึ้น ได้กลับไปหาคุณย่า โดยที่บอกว่าลูกสาวที่ได้เสียชีวิตลงไป มาเข้าร่าง และร้องไห้กอดคุณย่า บอกว่าลูกได้เสียชีวิตแล้วจริงๆ โดยได้อาศัยร่างของ น.ส.จันทนา มาบอกกล่าว และยังบอกอีกว่า “เป็นห่วงแม่ วันนี้ตอนค่ำ จะมารับไปอยู่ด้วย เพราะถ้าไม่พาไปด้วย แม่ก็ไม่รู้จะอยู่กับใคร เพราะลูกคนอื่นๆ ก็ได้แยกย้ายกันไปมีครอบครัวหมดแล้ว” พร้อมกับได้สั่งเสียระบายสิ่งต่างๆ ที่ไม่เคยพูดตอนยังมีชีวิต แต่คุณย่าก็ยังคงไม่เชื่อ เพราะไม่มีเหตุการณ์อะไรที่จะบ่งบอกว่า น.ส.ละออง จะมาเสียชีวิตลงง่ายๆ ลงไปเช่นนี้ จนกระทั่งช่วงค่ำในระหว่างที่พระกำลังสวดอภิธรรม น.ส.ละอองที่วัดอยู่ และระหว่างที่คุณย่านอนอยู่ที่บ้าน ได้มีอาการหายใจแรง หลังจากนั้นไม่เกินครึ่งชั่วโมง คุณย่าก็ได้นอนเสียชีวิตลงไปอย่างสงบ ที่ผ่านมา น.ส.ละออง จะกังวลตลอดว่าหากเสียชีวิตลงไปใครจะดูแลคุณแม่ ทำให้มีความผูกพัน และห่วงกันเป็นอย่างมาก
ขณะที่ น.ส.จันทนา หลานที่ถูกลูกของคุณย่าเข้าสิงร่าง บอกว่า ได้เดินออกจากวัด เดินไปหาคุณย่าที่บ้าน ก็เห็นญาติพี่น้องนั่งข้างๆคุณย่าอยู่ ตนจึงได้เข้าไปกอด และหลังจากนั่งก็รู้สึกได้อย่างเดียวคือร้องไห้ แต่รับรู้ได้ว่าไม่ใช่ตนที่ร้อง เพราะปกติตนจะไม่ร้องไห้ขนาดนั้น ซึ่งเสียงร้องไห้คนภายในวัดยังได้ยิน ส่วนคำพูดที่พูดออกไปไม่รู้เลยว่าร่างของตนเป็นคนพูด และตนก็มีอาการไม่รู้สึกตัว ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ไม่นาน ซึ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นก็เป็นความเชื่อของคนในครอบครัว แต่ก็เป็นความเชื่อส่วนบุคคล เพราะปกติแล้วคุณย่าก็มีเชื่อสายของมโนราห์แป้น ซึ่งเป็นมโนราห์แท้ๆเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม โดยงานบำเพ็ญกุศลศพได้ตั้งโลงคู่กัน ซึ่งจะเริ่มงานวันที่ 15-16 ก.ค.66 ประชุมเพลิงวันที่ 17 ก.ค.66 เวลาประมาณ 13.00 น. โดยจะมีการเผาทีละคน ซึ่งภายในงานได้มีการใช้โลงกนกโบราณ ตกแต่งสวยงาม และมีการติดรูปของทั้งคู่ที่เป็นความผูกพันในขณะที่มีชีวิตอยู่ และผู้ที่มาร่วมงานต่างก็มองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นความรักความผูกพันกันจริงๆระหว่างสองแม่ลูก.