จากคดีชายฉกรรจ์หลายสิบคนรุมข่มขืนด.ญ.อายุ 14 ปี ที่เกาะแรด หมู่ที่ 6 ต.หล่อยูง อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา โดยมีการบังคับให้เสพยา พร้อมทั้งถ่ายคลิปไว้ข่มขู่ ห้ามนำเรื่องดังกล่าวออกไปบอกกับใคร จนเรื่องถึงหูแม่ผู้เสียหาย จึงนำคดีขึ้นฟ้องร้องต่อศาลเพื่อทวงความยุติธรรม
ก่อนหน้านี้ศาลจังหวัดพังงาได้ตัดสินคดีโดยมีจำเลยคือ นายวรชิต หรืออิฉา คงบุตร จำเลยที่ 1 , นายชาติชาย หรือเล็ก ศรีรัตน์ จำเลยที่ 2, นายบุญพจน์ หรือ อาหลี นนทรี จำเลยที่ 3 และจำเลยคนอื่น ๆ รวม 11 คน โดยลงโทษจำเลยทั้ง 11 คน ในข้อหาร่วมกันรุมโทรมข่มขืนกระทำชำเรา หญิงสาวอายุไม่เกิน 15 ปี ที่มิใช่ภรรยาของตน และข้อหาบุกรุกเคหสถานในยามค่ำคืนรวมถึงข้อหาอื่นๆ พิพากษาตัดสินจำคุกจำเลยที่ 1-7 ตลอดชีวิต ส่วนรายอื่น ๆ ลดหลั่นกันไปตามความผิดมีทั้ง จำคุก 45 ปี, 15 ปี ,20 ปี 4 เดือน รวมทั้งให้จำเลยทั้งหมดร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่ฝ่ายเด็กหญิงและมารดาประมาณ 6 ล้านบาท แต่ทาง จำเลยได้ขออุทธรณ์การพิจารณาคดีต่อศาลอุทธรณ์ ภาค 8
ล่าสุดวันนี้(8 ต.ค.)
นายสรรเพชร ทิพมนเทียน ทนายความจิตอาสา พร้อมด้วย จำเลย และญาติ ในคดีดังกล่าว เดินทางเข้ารับฟังการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 8 ซึ่งจะอ่านคำพิจารณาคดีที่ศาลจังหวัดพังงา โดยนัดอ่านผลการพิจารณาคดีดังกล่าวในเวลา 09.00 น. ท่ามกลางญาติ ๆ และชาวบ้านของจำเลยทั้ง 11 คน เบื้องต้นทราบว่า นายสุชีพ หรือ บังเดช สุเมน จำเลยที่ 5 ได้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 18 ก.ย.62 เวลา 06.00 สาเหตุระบุเป็นลมเสียชีวิต
นายสรรเพชร เผยความมั่นใจว่า เท่าที่นัดสืบพยานหลักฐานเพิ่มเติมนั้น ตนเองไม่หนักใจมาก เนื่องจากมีแต่คำให้การของ พยานทาง เด็กหญิงที่เป็นโจทย์ร่วม เพียงอย่างเดียว ส่วนหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ผลออกมาไม่มีความชัดเจนว่าจำเลยทั้งหมดกระทำร่วมกัน
“สำหรับผลการตัดสินของศาลอุทธรณ์ครั้งนี้ ฝ่ายทนายจำเลยยังคงเชื่อว่า มีจำเลยบางรายอาจจะถูกยกฟ้อง หรือลดโทษลงบ้าง เนื่องจากความชัดเจนของคดียังอยู่ที่คำให้การของพยานที่ถูกกระทำเพียงฝ่ายเดียว ส่วนหลักฐานอย่างอื่นตนเองไม่พบว่าสามารถยืนยันได้ว่า จำเลยทั้งหมดจะกระทำผิดร่วมกัน จะมีจำเลยบางรายเท่านั้นที่อาจจะถูกตัดสินตามความผิดที่กระทำไป ” นายสรรเพชรกล่าว