ครูกายแก้ว ไม่ใช่เทพอสูร เป็นอสุรกาย ตั้งรูปปั้นเป็นกลหลอกคนจีนมาลงทุน

15 ส.ค. 66

นายไพศาล เผย ครูกายแก้ว ไม่ใช่เทพอสูร เป็นอสุรกาย ที่มีชาติภพภูมิเดิมเป็นนก ตั้งรูปปั้นกลางกรุงฯ เป็นกลหลอกคนจีนมาลงทุน ขายรูปบูชา

ครูกายแก้ว เริ่มเป็นที่รู้จักหลังจากเมื่อวันที่ เวลาประมาณ 09.00 น. ของวันที่ 9 ส.ค.66 การจราจรบริเวณ ถ.รัชดาภิเษกขาเข้าติดขัดยาวสะสมถึงสะพานพระราม 7 เหตุจากรถพ่วง บรรทุกรูปปั้นขนาดใหญ่ (รูปปั้นครูกายแก้ว) ติดคานสะพานลอยคนข้าม ทางจราจร เพื่อไปตั้งยังโรงแรมแห่งหนึ่งที่ แยกรัชดา-ลาดพร้าว

หลังจากนั้นบนโลกออนไลน์ก็เกิดการตั้งคำถามถึง ครูกายแก้ว ว่าคืออะไร โดยผู้คนที่นับถือหรือเรียกตนว่าเป็นลูกศิษย์ต่างกล่าวว่า "ครูกายแก้ว คือ บรมครูผู้เรืองเวทย์ ผู้ที่บูชาจะมีโชคลาภ" พร้อมกับคำกล่าวถึงรูปลักษณ์ของครูกายแก้ว โดย อาจารย์ถวิล ได้ส่งต่อรูปปั้นครูกายแก้วแก่ อาจารย์สุชาติ รัตนสุข ผู้มีความรู้ด้านศาสตร์ดวงชะตา ผู้สร้างพระพิฆเนศห้วยขวาง ที่ได้นำมาบูชา และเล่าว่าครูกายแก้วได้มาปรากฏร่างให้เห็นเป็นคนแก่ ลักษณะผู้บำเพ็ญ กึ่งมนุษย์กึ่งนก  มีปีกด้านหลัง "มีเขี้ยวทอง" ซึ่งเพื่อสื่อถึงนกการเวก อ้างอิงตามหลักฐานโบราณยุคของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ของกัมพูชา ซึ่งความหมายของนกการเวกถือเป็นครูของศาสตร์ศิลป์นักดีดสีตีเป่า 

ครูกายแก้วเป็นอะไรกันแน่?

นายไพศาล พืชมงคล เป็นกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) อุปนายกและเลขาธิการสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีนอดีตที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ) นักกฎหมายชาวไทย อดีตสมาชิกวุฒิสภาและอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ นักเขียนเจ้าของนามปากกา เรืองวิทยาคม โพสต์ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ ครูกายแก้ว ระบุว่า 

"สิ่งที่กำลังหลอกลวงให้ไขว้เขวกันอยู่!!! ครูกายแก้ว ไม่ใช่เทพอสูร เพราะเทพอสูร คือยักษ์ ที่ได้บำเพ็ญปฏิบัติธรรม จนบรรลุธรรมขั้นสูง คือชั้นพรหม จึงได้ชื่อว่า เป็นเทพอสูร เช่นท้าวลัสเตียน ซึ่งเป็นบิดาของทศกัณฐ์เป็นต้น ภูมิธรรมชั้นพรหมนี้ คือภูมิธรรมชั้นเดียวกันกับท้าวกบิลพรหม ซึ่งเป็นบิดาของนางสงกรานต์ทั้งเจ็ด

ครูกายแก้วไม่ใช่มนุษย์ และไม่ใช่คนธรรพ์ ซึ่งอยู่ในภพภูมิที่สูงกว่าผีเปรตอสุรกาย และไม่ใช่บรมครูผู้ขมังเวทย์ แต่ท่านเป็นอสุรกาย ที่มีชาติภพภูมิเดิมเป็นนก ท่านไม่ใช่อาจารย์ของพระเจ้าสุริยะวรมัน ของขอมโบราณเลยบทสวดมนต์และคาถาที่ใช้ในวันนั้น เป็นบทบิดเบือนบทสวดในศาสนาพุทธ จนวิปริตไปสิ้น บทที่สวดอัญเชิญ แท้จริงก็คือบทชุมนุมเทวดา ซึ่งชาวพุทธจะคุ้นเคย เวลาพระจะเริ่มสวดพระปริตร ก็จะมีพระที่นั่งลำดับที่ 3 สวดบทชุมนุมเทวดาที่ขึ้นต้นด้วย สัคเคกาเมจะรูเป... ซึ่งแปลว่าบัดนี้เป็นเวลาฟังธรรมแล้ว ขอเชิญเหล่าเทพทั้งหลาย (ไม่ได้เชิญพวกอสูรกาย เพราะพวกนี้ไม่ฟังธรรม) ฟังธรรมของพระบรมศาสดาเถิด นี่ไม่ใช่บทอัญเชิญครูกายแก้วที่ใช้สวดในวันนั้น!!!

เหตุที่ต้องสวดชุมนุมเทวดาก็เพราะ เทวดามาขอพรไว้ว่า อยากฟังธรรม ขอจงมีความเอื้อเฟื้อแก่เทวดาทั้งหลายให้ได้มีโอกาสฟังธรรมด้วยลักษณะของอสุรกายนี้ พวกกรีกได้สร้างเป็นภาพขึ้นมานานแล้ว ไม่ใช่คติภาพนิยมของพราหมณ์อินเดียใต้หรือของขอมโบราณแต่ประการใด!!!

ต้องถามกรุงเทพมหานครว่า ถ้าประชาชน มีความหวาดกลัว หรือเกรงอัปมงคล หรือภัยพิบัติ แล้วจะให้ทำอย่างไร เพราะเป็นอำนาจหน้าที่ของกรุงเทพมหานครได้แต่นึกสังเวชพวกนักการตลาดวิปริต ที่คิดวิปริต ต่างๆ นานาได้มาก แท้จริงก็ต้องการหลอกคนจีน มาลงทุนในย่านนี้และหลอกขายรูปบูชา ให้แก่ผู้ที่โง่เขลาเบาปัญญาแล้วคำนึงถึงอาเพศเหตุอัปมงคลที่จะบังเกิดในบ้านเมืองไหมนี่ ท่านใดมีใจหวาดกลัว ก็จงอาราธนาพระสงฆ์สวดพระปริตร และเพิ่มด้วยบทสวดถอนพัทธสีมาเถิด"

นายไพศาล พืชมงคล

 

advertisement

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส