เปิดประวัติ “อาจารย์สุชาติ” ผู้เห็นนิมิต "ครูกายแก้ว"
"ครูกายแก้ว" หรือ "พ่อใหญ่ บรมครูผู้เรืองเวทย์" เป็นที่พูดถึงตลอดเดือนสิงหาคม 2566 ในหลากหลายประเด็น ทั้งความถูกต้องประวัติที่มา ซึ่งแย้งกับประวัติศาสตร์จริง และความเหมาะสมของการบูชา โดยประวัติเท่าที่ปรากฎออกมา สังคมทราบเพียง พระธุดงค์รูปหนึ่งได้เดินทางไปทำสมาธิที่ปราสาทนครวัดนครธม ประเทศกัมพูชา จนพบกับดวงจิตของครูกายแก้ว จากนั้นก็ได้รูปปั้นครูกายแก้ว ติดตัวกลับมายังจังหวัดลำปาง พร้อมมอบครูกายแก้ว องค์ขนาดเล็ก ขนาดหน้าตักประมาณ 2 นิ้ว ซึ่งมีลักษณะเหมือนคนนั่งกอดเข่าให้กับ จ่าสิบเอกถวิล มิลินทจินดา หรือ พ่อหวิน หรือ อาจารย์หวิน นักร้องเพลงไทยเดิมของกองดุริยางค์ทหาร ก่อนที่จะส่งต่อให้ อาจารย์สุชาติ รัตนสุข ผู้เชี่ยวชาญด้านการตั้งศาลเทพ อาทิ พระพิฆเนศ (ห้วยขวาง) พระตีมูรติ (เซ็นทรัลเวิลด์) จนต่อมาครูกายแก้วได้ปรากฏกายให้อาจารย์สุชาติได้เห็น อาจารย์สุชาติจึงได้วาดภาพของครูกายแก้วจากจินตนาการ และทำการหล่อรูปองค์ครูขึ้นเป็นองค์แรก มีลักษณะของผู้บำเพ็ญ เป็นองค์ยืน คล้ายคนแก่ กึ่งมนุษย์กึ่งนก มีปีกด้านหลัง มีเขี้ยวทองเพื่อสื่อถึงนกการเวก อ้างอิงตามหลักฐานที่ปรากฎอยู่บนกำแพงบายน ที่มีประวัติของการเวกซึ่งเป็นพวกนักดีดสีตีเป่า ถือเป็นครูของศาสตร์ศิลป์ทั้งหลายในยุคของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ของกัมพูชานำไปตั้งไว้ที่สำนัก จุดประสงค์เพื่อเป็นการบูชาครู (ปัจจุบันองค์ปฐมแบบยืนของครูกายแก้วถูกย้ายไปไว้ที่อื่นแล้ว ส่วนองค์นั่งถูกเก็บเอาไว้บูชาที่บ้านของอาจารย์สุชาติ แต่ครูกายกายยังคงตั้งไว้ให้คคนบูชาที่เทวาลัยพระพิฆเนศ ห้วยขวาง เทวาลัยพระพิฆเนศ บางใหญ่ และศาลพระพิฆเนศ อาเขตเชียงใหม่)
ปฏิเสธไม่ได้ว่าความเชื่อและความศรัทธาเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับเมืองไทยมาช้านาน จนหลายอย่างผสมกันจนแยกไม่ออก ทั้งศาสนา ตำนานเรื่องเล่า เรื่องลี้ลับ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพจากหลากหลายที่มา กลายเป็นที่พึ่งพาทางจิตใจของประชาชน โดยเทวาลัย หรือ เทวสถาน ที่โด่งดังเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์ อาทิ พระตรีมูติ (ลานหน้าเซ็นทรัลเวิลด์) เทวาลัยพระพิฆเนศ (ห้วยขวาง) เกิดขึ้นได้จากการก่อตั้งของอาจารย์สุชาติ รัตนสุข อาจารย์ผู้มีความรู้ในเรื่องราวของศาสตร์ ทั้งการพยากรณ์ การทำนายทายทัก คาถาอาคม การปลุกเสกเครื่องรางของขลัง การจัดตั้งศาล และเทววิทยา
อาจารย์สุชาติ รัตนสุข แต่เดิมเป็นเด็กวัดราชาธิวาสราชวรวิหาร อยู่ในความดูแลของพระเทพสุวรรณโมลี หรือ ท่านเจ้าคุณแคล้ว จนเมื่ออายุ 13 ปี อาจารย์สุชาติได้ติดตามลูกพี่ลูกน้องไปยังจังหวัดอยุธยา จึงได้เข้าฝากตัวเป็นศิษย์พระวิสุทธาจารเถร หรือ หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราชวรวิหาร ทำให้ได้ศาสตร์และความรู้จากหลวงพ่อมามากมาย จากนั้น อาจารย์สุชาติ เริ่มมีความสนใจด้านโหราศาตร์ และได้รู้จักกับพระครูปลัดเสริม วัดบูรณะสิริอมาตย์ นักโหราศาสตร์ที่มีความสามารถ จึงศึกษาค้นคว้าตำราต่าง ๆ จนชำนาญ และได้เป็นหนึ่งในโหราจารย์ที่เขียนลงคอลัมน์พยากรณ์ หนังสือพิมพ์เดลิมิเร่อร์ ซึ่งถือเป็นเครื่องหมายยืนยันความสามารถด้านโหราศาตร์
ต่อมา อาจารย์สุชาติ ได้มีโอกาสศึกษาคัมภีร์ไสยเวทย์ของหลวงปู่แฉ่ง วัดบางพัง จังหวัดนนทบุรี โดยได้รับมาจากหลวงพ่อแพ้ว วัดแดง ผู้เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่แฉ่ง โดยคัมภีร์ดังกล่าวเต็มไปด้วยศาสตร์ความรู้ด้านไสยเวทย์อาคม ซึ่งหาได้ยาก ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้อาจารย์สุชาติกลายเป็นมาเป็นบุคคลอันทรงคุณค่าด้ายไสยเวทย์ โดยหนึ่งในบรมครูเพียงไม่กี่คนในประเทศไทย ที่เชี่ยวชาญและรู้วิธีในการตั้งศาลเทพ โดยอาจารย์สุชาติ รัตนสุข ได้ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2560
ก่อนที่อาจารย์สุชาติ รัตนสุข จะถึงอสัญกรรม ได้มีการส่งต่อวิชาองค์ครูกายแก้วให้กับศิษย์ที่เชื่อใจ รวมถึงอาจารย์หน่อย พลิกฟ้า (อาจารย์สมสฤษดิ์ รัตนสุข) ลูกชายของอาจารย์สุชาติ เนื่องจากไม่ต้องการให้ใครนำครูกายแก้วไปทำวัตถุมงคล เพื่อหากิน เพราะองค์ครูกายแก้วจะอยู่แค่กับอาจารย์สุชาติ และคนที่ท่านเลือกมอบวิชาให้เท่านั้น
ล่าสุด อาจารย์หน่อย พลิกฟ้า และนายณัฐวุฒิ รัตนสุข ลูกชายและหลานชายของอาจารย์สุชาติ ได้ออกมายืนยันว่า แม้รูปลักษณ์จะดูน่ากลัว แต่ไม่ใช่เวตาลหรือตัวประหลาด โดยอาจารย์สุชาติ ต้นสายของการบูชาครูกายแก้ว ได้กำชับเตือนเอาไว้เสมอว่าห้ามนำของสดไปไหว้บูชาครูกายแก้ว ให้นำแต่ผลไม้ ดอกไม้ ขนมหวาน หรือทองคำไปไหว้สักการะเท่านั้น ทำให้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กลุ่มผู้นับถือครูกายแก้วจึงจำลองขนมเป็นของสดแทน ดั้งนั้นประเด็นที่กำลังถกเถียงในสังคมเกี่ยวกับการไหว้ครูกายแก้วด้วยลูกสุนัขและลูกแมว จึงไม่เป็นความจริง