“หวย” คู่ชีวิตคนไทย ความเป็นมาเกือบ 200 ปี ขอเสี่ยง 1 ในล้าน เพื่อถูกรางวัลสักครั้ง
“หวย” มีที่มาจากการพนันของจีน เกิดขึ้นครั้งแรกในช่วงปี พ.ศ. 2375 เรียกว่า “ฮวยเหว” (อ่านว่า ฮวย-เหฺว) โดย “ฮวย” แปลว่า ดอกไม้ ส่วน “เหว” (อ่านว่า เหฺว) แปลว่า รวม หรือ พบกัน ซึ่งที่เรียกแบบนี้ เพราะแต่เดิมตัวหวยจะเขียนเป็นรูปดอกไม้ ก่อนจะพัฒนาเปลี่ยนเป็นชื่อคนโบราณ และตัวเลขในเวลาต่อมา โดยเจ้ามือจะเลือกป้ายชื่อ 1 ชื่อ เช่น สามหวย ง่วยโป๊ เจียมกวย หะตั๋ง เม่งจู ฯลฯ ใส่ลงกระบอกไม้แล้วปิดปากกระบอก แขวนไว้กับหลังคาโรงหวย เพื่อให้แทงว่าเป็นชื่อใคร
โดยในรัชสมัยของรัชกาลที่ 3 ประเทศไทยเกิดเหตุน้ำแล้ง-น้ำท่วมติดต่อกันหลายปี ถือเป็นยุคข้าวยาก หมากแพง ทำให้ชาวบ้านไม่อยากใช้จ่าย “พระศรีไชยบาล” (จีนหง) จึงนำต้นแบบฮวยหวยของจีนมาปรับใช้กับประเทศไทย กลายเป็น “หวย ก ข” ในปี พ.ศ. 2378 โดยใช้พยัญชนะไทยตั้งแต่ ก ถึง ฮ จำนวน 36 ตัว จาก 44 ตัว โดยตัดบางตัวที่ออกเสียงคล้ายกันออก อาทิ ก.สามหวย ข.ง่วยโป๊ ฃ.เจี่ยมกวย ค.หะตั๋ง ฅ.เม่งจู ฆ.ยิดซัว ... ฮ.เจี๊ยะสูน
ต่อมาในปี พ.ศ. 2417 ตรงกับรัชสมัยของรัชกาลที่ 5 ได้มีการออกสลากกินแบ่งรัฐบาลขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เรียกว่า “ลอตเตอรี่” เฉพาะในวาระพิเศษต่าง ๆ จนรัชสมัยของรัชกาลที่ 6 ช่วงปี พ.ศ. 2459 ประเทศไทยก็ได้ยกเลิก “หวย ก ข” อย่างเด็ดขาด จากนั้น “ลอตเตอรี่” หรือที่ชาวบ้านเรียกติดปากว่า “หวยรัฐบาล” ก็ได้ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่องจวบจนปัจจุบัน
พ.ศ.2466 ประเทศไทยมีการออก “ลอตเตอรี่เสือป่าล้านบาท” เพื่อหารายได้บำรุงกองเสือป่าอาสาสมัคร พิมพ์ออกมาจำนวน 1 ล้านฉบับ จำหน่ายฉบับละ 1 บาท
พ.ศ. 2476 ภายหลังประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงการปกครอง รัฐต้องการหารายได้ จึงกำหนดให้ออกลอตเตอรี่รัฐบาลเป็นประจำขึ้น พิมพ์ออกจำหน่ายจำนวน 1 ล้านฉบับ ฉบับละ 1 บาท ปีละ 4 งวด โดยเรียกว่า “ลอตเตอรี่รัฐบาลสยาม”
พ.ศ. 2482 สลากกินแบ่งรัฐบาลเริ่มดำเนินการอย่างจริงจัง โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้โอนกิจการสลากกินแบ่งรัฐบาลและสลากบำรุงเทศบาล มาสังกัดกระทรวงการคลัง และได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการออกสลากกินแบ่งรัฐบาลขึ้น กระทั่งปี พ.ศ. 2517 ได้มีการออกพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลขึ้น กำหนดให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นนิติบุคคล และเป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงการคลัง
คนไทยให้การตอบรับ “หวย” หรือ “ลอตเตอรี่” อย่างดีมาโดยตลอด กลายเป็นคำค้นหายอดฮิตในยุคปัจจุบัน และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แม้ทุกวันที่ 1 และ 16 ของแต่ละเดือน จะมีรางวัลหลากหลาย ตั้งแต่รางวัลใหญ่ รางวัลย่อย และรางวัลข้างเคียง แต่ผลการศึกษาพบว่า ผู้ซื้อลอตเตอรี่มีโอกาสถูกเลขท้าย 2 ตัว ของสลากกินแบ่งไทย เพียง 1 ใน 100 ส่วนรางวัลที่ 1 มีโอกาสเพียง 1 ในล้าน ดังนั้นเมื่อต้นทุนของสลากกินแบ่งรัฐบาลสูงขึ้น (ราคาต่อฉบับ) หรือโอกาสที่จะถูกรางวัลนั้นมีน้อย ชาวบ้านจึงหันไปซื้อหวยใต้ดินในราคาที่ถูกกว่า แม้จะรู้ว่าผิดกฎหมาย แต่สายเลือดของการเสี่ยงโชค ซึ่งสั่งสมมาตั้งแต่อดีต ก็ทำให้อดใจไม่ได้ที่จะลองลุ้นรางวัล