“อิ๋งอ้อย สิทธิวดี” เปิดใจ ถูกอดีตสามี อิ๋งอิ๋ง สุทธิณี ยื่นฟ้อง พร้อมนำเงิน 10 ล้านบาท ของพี่สาวให้โรงพยาบาลรามาฯ ตามเจตนารมณ์ ยืนยันทรัพย์สินของพี่สาว ตนเป็นผู้ดูแลมรดกเพียงผู้เดียว แฉอีกฝ่ายห้ามหมออย่าเพิ่งให้มอร์ฟีน เพราะภรรยายังไม่ได้เซ็นยกสมบัติให้
จากกรณีในวันที่ 2 กรกฎาคม 2566 เป็นวันครบรอบ 1 ปี การจากไปของ “อิ๋งอิ๋ง ดร.สุทธิณี กิตติสิทโธ” แต่ทาง “อิ๋งอ้อย สิทธิวดี” ผู้เป็นน้องสาวและผู้จัดการมรดก กลับถูกหมายศาลมาแปะไว้ที่หน้าบ้าน พร้อมถูกกล่าวหาให้เป็นจำเลยที่ 1 อีกทั้งบริษัท สิทธิณี จำกัด ยังเป็นจำเลยคนที่ 2
ล่าสุด “อิ๋งอ้อย สิทธิวดี” ได้นำเงินสดของพี่สาวจำนวน 10ล้านบาท ”อิ๋งอิ๋ง สิทธิณี” มามอบให้กับมูลนิธิรามาธิบดี ในโครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดีและย่านนวัตกรรมโยธี ณ โรงพยาบาลรามาธิบดี ตามเจตนารมณ์ของ “อิ๋งอิ๋ง สุทธิณี” ที่ต้องการบริจาคทรัพย์สินของตัวเองให้กับวัด การศึกษา และโรงพยาบาล
วันนี้ (05 กันยายน 2566) ที่สำนักงานคณบดี อาคารบริหารโรงพยาบาลรามาธิบดี “อิ๋งอ้อย สิทธิวดี” พร้อมด้วยครอบครัวและเพื่อนพ้องในวงการบันเทิง ได้มามอบเงินสดของ “อิ๋งอิ๋ง สุทธิณี” ผู้เป็นพี่สาวเป็นจำนวน 10 ล้านบาทให้กับมูลนิธิรามาธิบดี โดยมี “ศาสตราจารย์ นายแพทย์ปิยะมิตร ศรีธารา” คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีเป็นผู้รับมอบ
ซึ่งหลังจากได้มีการส่งมอบเสร็จแล้วนั้น “อิ๋งอ้อย สิทธิวดี” ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงการบริจาคทรัพย์สินของ “อิ๋งอิ๋ง สุทธิณี” ตามเจตนารมณ์ของพี่สาวที่ล่วงลับไป โดยเจ้าตัวบอกว่า ตอนนี้หลังจากที่พี่สาวได้เสียชีวิตไป ตนได้สร้างห้องน้ำใหม่ที่ วัดอโยธยาราม ประเทศอินเดีย มูลค่ารวมตอนนี้ที่”อิ๋งอิ๋ง”มีตนก็ของไม่บอก เพราะนับมูลค่ารวมทั้งหมดไม่ได้ ซึ่งตนก็เป็นผู้จัดการมรดก ตอนนี้ก็ต้องรวบรวมว่ามีทรัพย์สินอะไรบ้าง ทั้งที่ดินเครื่องเพชรเงินสด ก็ต้องมารวบรวมไว้ ตนก็ตั้งใจจะบริจาคทั้งหมด เพราะเงินส่วนนี้เป็นของพี่สาว ไม่ใช่ของตน เลยได้นำเงินมาบริจาคที่โรงพยาบาลรามาธิบดี
ส่วนความตั้งใจจะสร้างวัดนั้น ตอนนี้ก็ยังตั้งใจอยู่ เพราะวัดเป็นส่วนที่ต้องใช้เงินเยอะ ก็ต้องนั่งประชุมกันว่าเงินทั้งหมดจะแบ่งไปทำส่วนไหนบ้าง วัดอาจจะแบ่งไปส่วนหนึ่ง แต่โรงพยาบาลจะช่วยคนได้เยอะมาก สามารถต่อชีวิตคนได้ ส่งทรัพย์สินที่เหลืออยู่และยังไม่ครบตอนนี้ก็จะมีเครื่องเพชรและหลายอย่างที่ยังหาไม่เจอ ตนก็ไม่รู้ว่าไปไหน เพียงแต่หาไม่เจอและกำลังหาอยู่ โดยทรัพย์สินเงินสดตอนนี้ของ “อิ๋งอิ๋ง” คราวๆอยู่ที่ 50ล้านบาท และยังไม่รวมกับที่ดินและเครื่องเพชร ณ เวลานี้ ตนก็ได้เป็นคนถือกรรมสิทธิ์คนเดียวอยู่ เพราะฉะนั้นการที่ตนนำเงินมาบริจาคก็เป็นสิทธิของตนคนเดียว
ย้อนกลับไปตอนที่มีการจัดพิธีศพของ”อิ๋งอิ๋ง” ทางอดีตสามีพี่สาวได้มีการมาเผยถึงหนี้สินสมรส ตนก็บอกว่าตอนนี้ไม่สามารถบอกอะไรได้ทั้งหมดเพราะข้อมูลอยู่กับทนายความ และบางอย่างจะทำให้คดีเปลี่ยนแปลง ขอไม่พูดถึงอดีตสามีของพี่สาวดีกว่า
และที่ตนต้องปรึกษาทนายเพราะตนกำลังโดยฟ้องว่า “อิ๋งอิ๋ง” ติดหนี้เขาอยู่ ตนเลยขอหลักฐานและพร้อมจะใช้ทั้งหมด ตนไม่อยากให้พี่สาวติดหนี้ไปถึงชาติหน้า ส่วนหนี้สินนั้นเขาบอกกับตนว่าติดหนี้จากเงินยืมประมาณ ล้านกว่าบาท ทุกหนี้สินของ”อิ๋งอิ๋ง”ตนไปไล่ปิดให้หมดทุกอย่างอยู่แล้ว
ย้อนกลับไปตอนที่โดยฟ้องคือทาง “อิ๋งอิ๋ง” เสียไปตอนวันที่ 2 กรกฎาคม ทางบ้านก็เตรียมทำบุญพระ ในวันที่ 1 มีหมายศาลมาผูกประตูหน้าบ้านเลย หลังจากที่ฟ้องตนก็ไม่ได้มีการพูดคุยกันเพราะตนเป็นแค่คนดูแลทรัพย์สินไม่ได้เป็นคนยืมหนี้ เพราะฉะนั้นก็ให้ไปเอาหลักฐานมาเคลียร์กัน ตอนนี้ก็ยังไม่ได้มีหลักฐานที่แน่นอน
ถามถึงในช่วงที่ “อิ๋งอิ๋ง”เสียชีวิต ทางอดีตสามีได้มาขอแบ่งมรดกไหม ตนบอกว่าเขาไม่ได้ขอแบ่งแต่ขอคุยกับพี่น้อง และบอกว่า”อิ๋งอิ๋ง” มีหนี้ และให้ตนกับน้องสาวใช้หนี้แทนพี่สาวได้ ตนกินข้าวไม่ได้กินหญ้า ถ้าจะให้เอาเงินมาใช้หนี้ ในวันนั้นเลยสรุปกันไม่จบ โดยการพูดคุยครั้งนั้น “อิ๋งอิ๋ง” ยังไม่เสียชีวิต และประกาศเจตนารมณ์ว่าค่าโรงพยาบาลจะไม่จ่าย ให้พี่น้องจัดการกันเอง
ซึ่งมีการไปขึ้นศาลเมื่อวานนี้ ตนก็ได้ส่งทนายไปแทน ทางทนายก็ได้รายงานว่ามีการเจอกันแต่ไม่ได้คุยกัน โดยเป็นการฟ้องแพ่งอย่างเดียวว่าตนเป็นหนี้ และให้ตนเป็นจำเลยที่ 1 ทาง”บริษัท สิทธิณี จำกัด” เป็นจำเลยที่ 2 แต่บริษัทหยุดดำเนินการไปแล้ว พอตนได้เอาชื่อตัวเองใส่ไปในคณะกรรมการ เขาก็ทำการฟ้องตนทันที
หลังจากนี้ได้บอกกับ”อิ๋งอิ๋ง”ที่อยู่บนฟ้าไหม ตนก็บอกว่า ตนสวดมนต์ตลอดเรื่องตรงนี้ทั้งหมด สามีตนก็ไม่ใช่ ตนก็ทำเพื่อพี่สาวคนเดียว มันไม่ใช่สิ่งสำคัญในชีวิตจะฟ้องแพ่งก็ฟ้องไป เพราะถ้าหมดเม็ดแล้วทางเราค้นเจอก็จะเอาถึงที่เหมือนกัน ตนไม่ยุ่งกับเขามานานมาก และสุดท้ายเขาทำแบบนี้ ตนรับร้องว่าจะรื้อ แต่ไม่ได้จองเวร
ตนก็ยืนยันว่าทรัพย์สินของพี่สาว ตนเป็นผู้ดูแลมรดกเพียงผู้เดียว ถ้าตนจะเอาเงินมาบริจาคเขาก็ไม่มีสิทธิมาแย้งว่าเอาเงินมาใช้ได้ยังไง ตอนนี้เขาก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรเพิ่ม ตนก็ไม่รู้ว่าอายุจะยาวแค่ไหน คนที่สืบทอดสุดท้ายคือลูกสาว และได้บอกกับลูกว่าเงินเป็นของป้า ให้เอาไปทำบุญทั้งหมด ให้”อิ๋งอิ๋ง” ไปสบาย ตนก็จะเรียกร้องความยุติธรรมให้
และหลังจาก “อิ๋งอิ๋ง”เสียชีวิต มีเงินในบัญชีแค่หลักสิบกว่าบาทเอง ฝากไว้อีกว่า เอาอะไรของพ่อแม่ตนไปให้เอามาคืนด้วย เพราะนิสัยพี่สาวจะไม่เอาของพ่อของแม่ไปขายเด็ดขาดและตอนนี้ตนก็หาของไม่เจอ เขาก็น่าจะรู้ว่าเขาเอาอะไรไปบ้างให้เอาไปคืน และถ้าไม่คืนก็จะตามวาระเวรกรรมที่ต้องเจอ และที่ตนบอกว่าชีวิตเหมือนกว่าละครคืออะไรนั้น ก่อนที่พี่สาวจะเสีย พี่น้องนั่งจับมือกัน แต่เขาบังคับให้พี่สาวตนพูด พอลับหลังไปสะกิดหมออย่าเพิ่งให้มอร์ฟีน เพราะเขายังไม่ได้เซ็นยกสมบัติให้เขา