ประวัติ "พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร" ฉายา "มือปราบขุนดง เจ้าคาถา" กับคดีดัง "ศยามล"

12 ก.ย. 66

หลังจากที่ พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร หรือ ท่านเรวัช อดีตผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด พูดกลางรายการของหนุ่ม กรรขัย ให้กำลังใจบิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ด้วยวลีที่ว่า “ไอ้พวกนี้มันขี้ตีนเรา มันจะเป็นเจ้าพ่อได้ไง” ทำเอาหลายต่อหลายคนอยากจะรู้ว่า เจ้าของวลีเด็ดนี้เป็นใคร เกี่ยวข้องอย่างไรกับฉายา "มือปราบขุนดง"

ประวัติ พลตำรวจโทเรวัช กลิ่นเกษร

พลตำรวจโทเรวัช กลิ่นเกษร อดีตผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เป็นชาวอำเภอท่าตะโก จ.นครสวรรค์ เป็นลูกเจ้าของโรงสี แต่ชีวิตต้องพลิกผันจากนักเรียนวัยประถม 5 ต้องกลายเป็นพยานปากเอกให้กับคอรบครัวของตัวเองหลังจากที่ถูกกลุ่มโจรบุกปล้นและฆาตกรรมอย่างเหี้ยมโหด ทางญาติได้ตั้งค่าหัว 5 พันบาท

พล.ต.ท.เรวัช ในวัยนั้นต้องติดตามตำรวจไปทุกที่เพื่อทำคดีและเป็นคนชี้ตัวคนร้าย ทำให้กลุ่มคนร้ายไม่พอใจและดักหวังเอาชีวิต จนต้องพกปืน .38 ติดตัวและอยู่ในความดูแลของตำรวจ

ช่วงชีวิตวัยรุ่น ได้ก่อคดีแทงคนเสียชีวิตจนโดนไล่ออกจากโรงเรียน จนต้องย้ายไปเรียนอีกจังหวัด กระทั่งสอบเป็นเสมียนที่จังหวัดชัยนาท จากนั้นสอบเป็นปลัดอำเภอทำหน้าที่ติดตามนายอำเภอ เป็นมือคุ้มครองพ่อเมืองในยุคที่ผู้ก่อการร้านคอมมิวนิสต์กำลังอาละวาดหนัก ก่อนพลิกเข้าาสู่นเส้นทางของนายตำรวจ

 

ประวัติการศึกษา

พล.ต.ท.เรวัช เรียนปริญญาตรีนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และจบปริญญาโทอาชญาวิทยา มหาวิทยาลัยมหิดล ติดยศ ร.ต.อ. จากนั้นขอย้ายไปประจำที่โรงพักชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี ซึ่งในขณะนั้นถือเป็น “ดงโจร” มีทั้งโจรเรียกค่าไถ่ และปล้น และได้ถูกตั้งเป็นหัวหน้าชุดขุนดง กระทั่งไปยิงผู้มีอิทธิพลในพื้นที่รายหนึ่ง จนถูกสั่งย้ายและถูกสั่งห้ามเข้าพื้นที่ลพบุรี และสระบุรี

 

เส้นทางตำรวจกับคดีดัง “ศยามล”

เส้นทางการรับราชการตำรวจเริ่มเข้มข้นขึ้น ภายหลังจาก พล.ต.ท.เรวัช ติดยศร้อนตำรวจเอก (ร.ต.อ.) และขอย้ายไปประจำที่โรงพักชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี ในตอนนั้นพื้นที่ดังกล่าวได้รับสมญานามว่าเป็น ดงโจร เพราะมีโจรเรียกค่าไถ่และปล้นจี้เป็นจำนวนมาก

ภายหลังจากย้ายไปโรงพักที่จังหวัดลพบุรี พล.ต.ท.เรวัช ไปยิงผู้มีอิทธิพลในพื้นที่รายหนึ่ง เป็นเหตุให้เขาต้องถูกสั่งย้าย และถูกสั่งห้ามเข้าพื้นที่จังหวัดลพบุรีกับสระบุรี ในเวลาต่อมาเขาถูกตั้งเป็นหัวหน้าชุดขุนดง ซึ่งเป็นที่มาของฉายา “มือปราบขุนดง” ของ พล.ต.ท.เรวัช นั่นเอง

ต่อมาเกิดเหตุสะเทือนขวัญขึ้น จากคดีฆาตกรรม “ศยามล” ในตอนนั้น พล.ต.ท.เรวัช รับหน้าที่เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ และเก็บพยายานหลักฐานโดยการเก็บดีเอ็นเอ (DNA) จากน้ำอสุจิ ซึ่งในตอนนั้นไม่มีใครทำเช่นนี้ ปรากฏว่าสามารถตรวจเปรียบเทียบลายนิ้วมือได้ตรงกับ ส.ต.อ.แผ่ว ภูเต็ง ถึง 13 จุด ตำรวจจึงใช้ดีเอ็นเอเป็นหลักฐานจับกุมผู้ต้องหา อีกทั้งเขายังสามารถสืบสวนจนแกะรอยจับผู้ต้องหาได้ทั้งหมด รวมถึงหมอบัณฑิต ผู้จ้างวานอีกด้วย

พล.ต.ท.เรวัช ยึดถือในหน้าที่และสร้างผลงานมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งกล้าปะทะกับผู้มีอิทธิพลเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเจ้าพ่อในพื้นที่ หรือมือปืนทั้งหลาย ในภายหลังเขาได้ติดยศเป็นนายพล ขึ้นเป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี แล้วย้ายไปเป็นผู้บังคับการประจำสำนักงานตำรวจ ก่อนดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และเกษียณอายุราชาการไปเมื่อ พ.ศ. 2559

 

ขุนดง มือปราบเจ้าคาถา

นอกเหนือจากเส้นทางตำรวจ พล.ต.ท.เรวัช ยังเชื่อเรื่องคาถาอาคม และพระเครื่องเช่นกัน เขาได้เคยเปิดเผยคาถาไสยเวทส่วนตัวที่บิดาของ พล.ต.ท.เรวัช ได้สอนไว้ให้ โดยสวดว่า “นะอุด โมอัด พุทยัติ ธายัน ยะกันเข้าไว้ แคล้วคลาดปลอดภัย นะโมพุทธายะ พระสยามปกเกล้า”

ส่วนเครื่องรางของขลัง พล.ต.ท.เรวัช บอกว่าไม่มีพระห้อยคอ ติดตัวจริงๆ จะมีรอยเท้าแม่ และชายผ้าถุง ใช้ผ้าขาวมารองเท้าให้แม่เหยียบแล้วเก็บไว้ติดตัว โบราณบอกไว้ แม่เราเสมอพระ เลยไม่ได้คล้องพระ ที่มีก็คือ เอารูปพ่อแม่มาทำล๊อกเก็ต เอาเหรียญในหลวงครบ 4 รอบ และรูปหล่อหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จ.นครสวรรค์ มาร้อยเป็นพวงแล้วทำเป็นแหนบมาติดไว้ในกระเป๋าเสื้อเครื่องแบบตำรวจ

แขวนพ่อแม่เพราะท่านคือพระอรหันต์ของลูก เหรียญในหลวง เพราะเราเป็นข้ารับใช้แผ่นดิน รับใช้ท่าน แขวนหลวงพ่อเดิม เพราะเราเกิดที่นครสวรรค์ และท่านเป็นพระเกจิฯที่คนนครสวรรค์ และคนทั้งประเทศนับถือ

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส