รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ พร้อมด้วย นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรฯ และนายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรฯ ร่วมกันแถลงนโยบายขับเคลื่อนงานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีนโยบายหลักคือ 1. การรับมือภัยธรรมชาติ 2.ปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรผิดกฎหมาย 3. ยกระดับสินค้าเกษตร เสริมศักยภาพเกษตรกร 4. การจัดการทรัพยากรทางการเกษตรทำการเกษตร 5. เน้นการสร้างวิธีการทำงานสู่การปฏิบัติ และ 6. การอำนวยความสะดวกด้านการเกษตร
โดยในที่ประชุม รอ.ธรรมนัส ย้ำ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถึงเวลาเปลี่ยนแปลงแล้ว ต้องทำงานแบบเชิงรุก และทำงานกับผม ท่านเหนื่อยแน่ ผมเป็นคนทำงานไม่มีวันหยุด ผมทำงาน 365 วัน แต่สิ่งที่ทีมงานใต้เตียงกระทรวงเกษตรฯ ได้ไปฟังแถลงรอบนี้ มีประเด็นที่น่าสนใจ รอ.ธรรมนัสได้กล่าวว่า ตนเองยังไม่มีการแบ่งหน่วยงานให้อีก รมช.อีก 2 ท่านดูแล โดยจะมอบเป็นเรื่องๆไป ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า จะเกิดสุญญากาศในกระบวนการทำงานเป็นแน่ เพราะถ้ารอทุกเรื่องมาผ่าน รมว.เกษตรแต่เพียงผู้เดียว แบบนี้จะทำให้ระบบงานช้าขึ้น และบทบาทภารกิจของ รมช.ทั้ง 2 ไม่ชัดเจน อาจจะเกิดรอยร้าวในการบริหารจัดการได้ ประกอบกับใกล้ช่วงเกษียณอายุราชการในกรมหลักหลายหน่วยงาน ยิ่งน่าจับตาเป็นพิเศษสำหรับการเปลี่ยนคนของ รอ.ธรรมนัส เข้าไปดูแล โดยมีกรมหลักที่อธิบดีเกษียณอายุราชการ อาทิ กรมชลประทาน กรมส่งเสริมการเกษตร กรมประมง และกรมหม่อนไหม แต่สิ่งที่ฟังแล้วขนลุกแทนคือ ช่วงหนึ่ง รอ.ธรรมนัสได้กล่าวว่า ขณะที่ลงพื้นที่นครศรีธรรมราช แก้ปัญหามังคุดตกต่ำที่ผ่านมา โดย ท่านปลัดประยูรได้พูดว่า ผมและพี่น้องอธิบดีที่อยู่ตรงนี้รับผิดชอบเอง ถ้าระบายไม่ได้ ผมจะรับผิดชอบพิจารณาตัวเอง ผมไม่ทราบว่า คือให้ย้ายหรือเปล่า และคงไม่มีเกษตรกรคนบ้าที่ไหนเอามังคุคไปเททิ้งถนน เพราะต้องการสร้างสถานการณ์ รอ.ธรรมนัส กล่าวระหว่างการประชุม
ด้านกระแสแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงครั้งมีหลายท่านที่ลุ้นตำแหน่งอธิบดี อาทิ นายพีรพันธ์ คอทอง รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คาคว่าจะได้นั่งตำแหน่ง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร หรือ อธิบดีกรมฝนหลวง และการบินเกษตร และ พันจ่าเอกประเสริฐ มาลัย หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คาคว่าจะได้กรมหม่อนไหม หรือ กรมที่วางจะการถูกสลับใหญ่ในครั้งนี้ อย่างไรก็ตามทีมงานใต้เตียงกระทรวงเกษตรฯจะเกาะติดมารายงานให้รับทราบ
_2.jpg)
