รศ.ร.ต.อ.ดร.จอมเดช ตรีเมฆ รุ่นพี่"สารวัตรแบงก์"หดหู่ใจที่ตำรวจไม่ช่วยตำรวจด้วยกัน แม้วงจรปิดจุดสำคัญ 2 ตัวจะกู้ไม่ได้ เชื่อยังมีหลักฐานสำคัญเอาผิดผู้ก่อเหตุได้
ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ รศ.ร.ต.อ.ดร.จอมเดช ตรีเมฆ นักวิชาการด้านอาชญาวิทยา วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่าตนเอง กับ สารวัตรศิวกรหรือสารวัตรแบงก์สนิทกันตั้งแต่ที่น้องนั้นมาเป็นนักศึกษาที่ ม.รังสิต ซึ่งขณะนั้นตนเองเป็นอาจารย์สอนปริญญาโทอาชญาวิทยาและหลักสูตรผู้นำทางสังคม
โดยสารวัตรศิวกรนั้น ป็นคนที่มีอัธยาศัยดีและมีคาแรคเตอร์คล้ายๆกับตนเองจึงสนิทกันง่าย และเป็นรุ่นน้องโรงเรียนนายร้อย ซึ่ง สารวัตรศิวกร รุ่น 67 ตนเองรุ่น 60 จนมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ตนเองก็รู้สึกเสียใจ และอยากให้เหตุการณ์นี้สั่นสะเทือนวงการตำรวจ อยากให้คนที่ยังทำความผิดอยู่ไม่ว่าจะเป็นฝั่งตำรวจหรือฝั่งประชาชน ให้ฉุกคิดได้บ้างว่ามันสร้างความสูญเสียและสังคมไม่น่าที่จะต้องได้เห็นเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นมาอีก
ส่วนกรณีวันเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ ตร.ในจุดเกิดเหตุ ที่ไม่ได้ช่วยสารวัตรศิวกร คาดว่าน่าจะเกิดจากความตกใจหรือไม่ก็อาจจะไม่ได้สนิทกับตัวของสารวัตรศิวกร เพราะเพิ่งย้ายมาใหม่ ซึ่งอาจจะสนิทกับผู้ใหญ่ในพื้นที่มากกว่านั่นก็คือผู้ต้องหาหรือผู้ต้องสงสัยในคืนนั้น
ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าหดหู่ใจ ในเมื่อคุณคือผู้พิทักษ์สันติราษฎร์แต่เลือกที่จะช่วยผู้ก่อเหตุ ซึ่งน่าหดหู่ใจมาก
ส่วนกรณีกล้องวงจรปิดที่ไม่สามารถกู้ 2 ตัวจุดสำคัญได้ ตนเองมองว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาขนาดนั้น เพราะว่ามีพยานหลักฐานอื่นๆในที่เกิดเหตุซึ่งศาลนั้นก็รับฟังอยู่แล้วและคาดว่าน่าจะมัดตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุได้
ส่วนการสืบสวนสอบสวนจะสามารถสาวไปถึงตัวการที่ใหญ่กว่านี้อีกหรือไม่นั้น ตนเองมองว่าขณะนี้ก็ถือว่าเป็นตัวการที่ใหญ่แล้ว ตนเชื่อว่าครั้งนี้ผู้ใหญ่ในทุกกระทรวงได้มีการตื่นตัวและเอาจริงกับเรื่องนี้ น่าจะถือได้ว่าเป็นเคสตัวอย่างที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาเรื่องราวเหล่านี้ในอนาคตได้.