เมื่อวันที่ 10พ.ย.62 ผู้ใช้เฟสบุ๊ก "Arak Wongworachat" ซึ่งเป็นเฟสบุ๊กส่วนตัวของ
นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผอ. โรงพยาบาลสิชล จ.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความ
#นิ่วในถุงน้ำดีและท่อน้ำดี#ไข่มุกชานม
ตลึงหลังผ่าเอาถุงน้ำดีออกเจอก้อนนิ่วเหมือนไข่มุกสีดำที่เป็นอาหารยอดฮิตใส่ในชานมกาแฟนมประเภทต่างๆนับได้กว่า800ก้อนจนเบื่อที่จะนับต่อเพราะมีก้อนเล็กก้อนน้อยอีกจำนวนมาก
เป็นผู้ป่วยมาโรงพยาบาลสิชลด้วยอาการเป็นไข้ปวดท้องชายโครงขวาตาเหลืองเบื่ออาหารอ่อนเพลียปวดหัวแน่นท้องอืดท้องคนไข้บอกรู้สึกอืดท้องมานานแต่คิดว่าเป็นโรคกะเพาะอาหารอักเสบไปหาหมอก็บอกแบบนี้หมอให้ตรวจคนไข้ก็บอกขอยาไปกินก่อนห่วงงานที่บ้านมารอบนี้อาการหนักหมอจับนอนโรงพยาบาลตรวจชุดใหญ่แค่อัลตราซาวด์ในท้องก็เห็นแล้วเห็นแบบนี้คงสงสัยกันว่าทนอยู่ได้อย่างไรถุงน้ำดีอักเสมมีหนองใกล้จะแตกเต็มทีแล้วถ้าแตกหนองเต็มท้องก็เป็นเรื่องโอกาสเสียชีวิตมีสูงมากเพราะคนไข้ก็อายุมากแล้วแต่รายนี้รอดครับค่าใช้จ่ายหลักแสนแต่ไม่ต้องจ่ายใช้สิทธิ์หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
การตรวจง่ายนิดเดียวอัลตราซาวด์ก็เห็นแล้วในชีวิตก็หาโอกาสไปพบแพทย์ซาวด์ในท้องสักครั้งก็ยังดีครับ
ใครที่ชอบกินไข่มุกชานมกาแฟนมคงเบื่อไปหลายวัน"
พร้อพภาพถุงน้ำดีซึ่งผ่าตัดออกมาจากผู้ป่วยรายหนึ่ง โดยภายในถุงน้ำดีดังกล่าวได้พบ
ก้อนนิ่ว สีดำก้อนเล็กจำนวนมาก ทำเอาชาวโซเซียลตะลึง และเข้ามาความคิดเห็นจำนวนมาก
นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ เปิดเผยว่า ที่โพสต์ลงเฟสบุ๊กเพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนใจ สำหรับสาเหตุนั้นไม่ใช่เพราะผู้ป่วยไปกินชาไข่มุกแต่อย่างใด แต่แค่เปรียบเปรยลักษณะของก้อนนิ่ว ที่คล้ายก้อนไข่มุกในชาไข่มุกเท่านั้นโดยก้อนนิ่วของผู้ป่วยรายนี้มีลักษณะเป็นนิ่วกรดแบบก้อน ๆ ป็นผู้ป่วยเป็นชายอายุ 60 ปี หลังผ่าตัดหมอพยายามนับจำนวนก้อนนิ่วทั้งหมดแล้ว แต่นับไม่ไหว คาดไม่ต่ำกว่า 1 พันก้อน
ก้อนนิ่วจำนวนมากขนาดนี้ ทราบว่าสะสมมานานกว่า 5 ปี แต่คนป่วยไม่แสดงอาการ เพิ่งมามีอาการปวดท้องระยะหลัง หมออัลตราซาวด์พบก้อนนิ่วจำนวนมากในถุงน้ำดีและนิ่วบางส่วนก็มาอุดในท่อน้ำดี ทำให้คนป่วยรายนี้มีอาการหนักมาก ตัวเหลือง ติดเชื้อในถุงน้ำดีและติดเชื้อในกระแสเลือดด้วย หากมาพบแพทย์ช้ามีโอกาสเสียชีวิต ล่าสุดได้ผ่าตัดเอาถุงน้ำดีและนิ่วในถุงน้ำดีออกแล้ว ผู้ป่วยปลอดภัยแต่ยังนอนพักรักษาในรพ.อีกสักระยะหนึ่ง
นพ.อารักษ์ กล่าวอีกว่า สาเหตุของนิ่วในถุงน้ำดีเกิดจากการตกผลึกของสารประกอบในน้ำดี 2 ชนิดได้แก่
คอเลสเตอรอลและ
บิลิรูบิน นิ่วที่เกิดจากคอเลสเตอรอล จะพบได้บ่อยกว่า มีลักษณะเป็นก้อนสีขาว เหลืองหรือเขียว ในขณะที่นิ่วที่เกิดจากบิลิรูบิน จะมีสีน้ำตาลหรือดำ
ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี ได้แก่
ภาวะที่น้ำดีมีคอเลสเตอรอลมากเกินไป ซึ่งอาจเกิดจากร่างกายมีคอเลสเตอรอลสูง ตับจึงขับคอเลสเตอรอลออกมาในน้ำดีมาก โดยเฉพาะในผู้ที่มีน้ำหนักเกิน เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง หรือกล้ามเนื้อถุงน้ำดีไม่สามารถบีบตัวนำคอเลสเตอรอลออกมาได้ ทำให้มีคอเลสเตอรอลตกค้างอยู่ภาวะที่น้ำดี หรือ
ภาวะบิลิรูบินมากเกินไป อาจเกิดจากโรคที่ทำให้ตับสร้างบิลิรูบินมาก เช่น โรคตับแข็ง โรคตับอักเสบหรือ เกิดจากการแตกทำลายของเม็ดเลือดแดงจำนวนมาก เช่น ภาวะโลหิตจางหรือโรค G6PD เป็นต้น ซึ่งภาวะที่น้ำดีมีความเข้มข้นมากทำให้คอเลสเตอรอลและบิลิรูบินมีโอกาสตกตะกอนและรวมตัวกับสารอื่น ๆ ในน้ำดีกลายเป็นก้อนนิ่วได้สูง
ทั้งนี้ผู้ป่วยนิ่วในถุงน้ำดีอาจไม่แสดงอาการใด ๆ เลย หรือมีบางอาการ แต่ไม่ครบทุกอาการดังนี้
- ท้องอืด
- แน่นท้อง อาหารไม่ย่อยหลังทานอาหารไขมันสูง เป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง
- ปวดใต้ลิ้นปี่หรือชายโครงด้านขวา
- ปวดร้าวที่ไหล่และหลังขวา
- คลื่นไส้อาเจียน (ถุงน้ำดีติดเชื้อ)
- มีไข้หนาวสั่น
- ดีซ่าน ตัวเหลือง ตาเหลือง
- ปัสสาวะสีเข้ม
- อุจจาระสีขาว
ก้อนนิ่วที่ตกตะกอนอาจมีขนาดเล็กหรือใหญ่เท่าลูกกอล์ฟ จำนวนมีได้ตั้งแต่หนึ่งก้อนไปจนถึงหลายร้อยก้อนได้ หากมีขนาดใหญ่อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดมะเร็งถุงน้ำดีได้ หากมีอาการควรพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาจะดีกว่า
ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติม - โรงพยาบาลกรุงเทพ