19 แรงงานพื้นที่สีแดงเครียดหนัก หลบกระสุนในบังเกอร์โล่งๆไร้วี่แววอพยพ

12 ต.ค. 66

19 แรงงาน ไทยพื้นที่สีแดง อิสราเอล เครียดหนัก หลบกระสุนในบังเกอร์โล่งๆร่วมสัปดาห์ไร้วี่แววเข้าที่อพยพ อาศัยผักกิน แถมนายจ้างบังคับออกไปทำงานท่ามกลางเสียง กระสุน ถ้าไม่ไปก็ไม่จ่ายเงินเดือน 

แม้ว่าจะมีคนไทยจำนวนหนึ่งที่ได้รับการช่วยเหลือพากลับไทยอย่างปลอดภัย แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีคนไทยอีกจำนวนไม่น้อยที่ตกอยู่ในอันตราย ท่ามกลางห่ากระสุนที่พร้อมจะคร่าชีวิตพวกเขาได้ทุกวินาที

วันนี้ 12 ตุลาคม 2566 อมรินทร์ทีวีมีโอกาสได้วิดีโอคอลคุยกับ นายวัชระ ทิพย์สูงเนิน หรือ นายโบ้ อายุ 25 ปี ชาวไทย จ.นครราชสีมา ซึ่งเดินทางไปทำงานด้านเกษตรที่ประเทศอิสราเอลได้ 5 เดือน อยู่ในเมืองโมชาฟ สเด นิสสัน ห่างจากจุดที่มีการก่อเหตุประมาณ 5 กม.นับเป็นพื้นที่อันตรายระดับสีแดงเข้ม

เจ้าตัวบอกว่าตอนนี้จุดที่ตนอยู่มีคนไทยที่เป็นแรงงานทั้งหมด 19 คน โดยเหตุการณ์แรกเกิดขึ้นประมาณเวลา 04.00 น. ของวันที่ 7 ตุลาคม 2566 ขณะนั้นพวกตนกำลังทำกับข้าวและเตรียมตัวเพื่อจะออกไปทำงานที่ไร่เกษตร จู่ๆก็มีเสียงไซเรนดังขึ้นแล้วก็มีเสียงกระสุนดังขึ้นรัวๆบนน่านฟ้าและภาพพื้นดินนับกว่าร้อยนัด

พวกตนทั้งหมดจึงรีบพากันวิ่งเข้าไปอยู่ในบังเกอร์ของแคมป์ ภาพที่เห็นตอนนั้นคือน่ากลัวมาก ในใจคิดถึงแต่หน้าเมียหน้าพ่อแม่ที่บ้านในไทย และลึกๆก็รู้สึกหมดหวัง ทำใจแล้วว่าอาจจะไม่มีชีวิตรอดกลับบ้าน

หลังจากนั้นทั้งหมดก็ได้ลงทะเบียนขอเดินทางกลับไทยไปตั้งแต่วันที่ 9-10 ตุลาคม 2566 แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีการประสานยืนยันกลับมาว่าจะได้กลับกันเมื่อไหร่ และที่หนักไปกว่านั้นคือพวกตนไม่มีแม้แต่ศูนย์อพภพที่ปลอดภัย ตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาต้องอาศัยอยู่ในบังเกอร์ของแคมป์ที่มีลักษณะเหมือนท่อปูนซีเมนต์ ไม่มีประตูปิดกั้น มีเพียงแค่กำแพงปูนซีเมนต์กั้นไว้ แต่ก็สามารถเข้าออกได้ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งรู้สึกว่าพวกตนไม่มีความปลอดภัยต่อชีวิตเลย หากผู้ก่อการร้ายบุกเข้ามาก็สามารถจ่อยิงได้ง่ายๆ

ทุกวันนี้พวกตนก็นอนกันอยู่ท่ามกลางกระสุน มีเพียงแค่หมอน 1 ใบกับผ้าห่ม 1 ผืน ไม่รู้เลยว่าตอนไหนจะถูกกระสุนหรือระเบิด เพราะบางครั้งไซเรนก็ไม่แจ้งเตือน แม้แต่ตอนที่กำลังสัมภาษณ์กับอมรินทร์ทีวี เจ้าตัวบอกด้วยว่ายังคงมีเสียงปืนดังเรื่อยๆ ส่วนเรื่องอาหารการกินก็ลำบากพอสมควร ส่วนใหญ่จะได้กินแต่ผักที่ปลูก เก็บถั่วมาตำกินกัน เพราะพวกเนื้อสัตว์จะมีจำนวนน้อย ไม่เพียงพอ ต้องแบ่งๆกันกินคนละนิด วันละหน่อย

นอกจากนี้ นายโบ้ ยังเล่าให้ทีมข่าวฟังอีกว่า นอกจากนายจ้างซึ่งเป็นชาวอิสราเอลจะไม่ดูแลพวกเขาแล้ว เมื่อวานนี้ยังบังคับให้พวกเขาออกไปทำงานกลางสวนกลางไร่ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยังมีเสียงกระสุนเป็นระลอกๆอีกด้วย แต่ด้วยความที่ทั้ง 19 คนก็รักตัวกลัวตายเหมือนกัน วันนี้จึงตกลงกันว่าจะไม่ขอออกไปทำงานตามที่นายจ้างบังคับ ทำให้ช่วงเวลาที่ทีมข่าวสัมภาษณ์อยู่นั้น เวลาประมาณ 08.00 น. ของประเทศอิสราเอล (11.00 น. ของไทย) ก็มีนายจ้างเข้ามาที่แคมป์ และมีการพูดคุยกับแรงงานในเชิงต่อว่าถ้าไม่ออกไปทำงาน เขาจะไม่จ่ายเงินเดือนของเดือนที่แล้วให้ ซึ่งประมาณ 6 -7 หมื่นบาทไทย

ซึ่งตอนนี้สิ่งหนึ่งที่กลัวมากๆคือหากไม่ออกไปทำงานตามที่นายจ้างต้องการ ทั้ง 19 ชีวิตอาจจะถูกไล่ให้ออกจากพื้นที่ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นก็ถือว่าเลวร้ายมาก เพราะจะไม่มีบังเกอร์ให้หลบกระสุนเลย ไม่มีที่พัก ไม่มีอาหารการกิน เหมือนถูกทิ้งให้เคว้งคว้างก็ว่าได้

ตอนนี้ยอมรับเลยว่าเครียดมาก หัวใจกลับไปอยู่บ้านแล้ว นอนไม่หลับสักคืน และครอบครัวก็เป็นห่วง ทุกคนต่างตั้งตารอคอยเวลาที่จะได้กลับมากๆ ภรรยาที่ไทยก็พยายามประสานทุกวิถีทาง แต่ไม่รู้ทำไมถึงไม่มีหน่วยงานไหนเข้าไปช่วยเหลือ วันนี้ก็เลยอยากฝากบอกผ่านอมรินทร์ทีวีไปยังรัฐบาลไทยให้ช่วยเหลือคนไทย 19 ชีวิตที่ตกอยู่ในอันตรายทั้งร่างกายและจิตใจ ซึ่งหากกลับไทยไปแล้วก็คงไม่กลับมาที่อิสราเอลอีก ส่วนกับครอบครัวตนก็อยากจะบอกว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ยังปลอดภัยดี”

ซึ่งหลังจากสัมภาษณ์เสร็จ ผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง ทีมข่าวอัพเดทกับ “นายวัชระ” ถึงผลการเจรจากับนายจ้าง สรุปว่าพวกเขาต้องไปทำงานที่ไร่ตามที่นายจ้างบังคับ เพื่อแลกกับการที่จะได้รับเงินเดือนเดือนที่แล้ว เพราะเงินจำนวนนี้จำเป็นต้องส่งกลับไปให้ครอบครัวที่ไทยและใช้ประทังชีวิต ใช้หนี้ด้วย

โดยนายวัชระได้อัดคลิปส่งมาให้อมรินทร์ทีวี เป็นช่วงที่แรงงานไทยกำลังเตรียมตัวจะออกไปทำงาน ซึ่งแต่ละคนมีท่าทีที่สิ้นหวังอย่างเห็นได้ชัด พร้อมกับตัดพ้อว่าอยากกลับบ้าน ติดต่อกงศุลไป 3-4 รอบ ไหนว่าจะเข้ามาช่วยก็ไม่มาสักที รวมถึงอีกคลิปที่แรงงานไทยทั้งหมดต้องนั่งรถบรรทุกไปทำงาน โดยมีนายจ้างชาวอิสราเอลขับรถนำขบวนเชิงบังคับ.

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส