หลังจากที่รายการทุบโต๊ะข่าวได้นำเสนอเรื่องราว ของนางสาวธัญชนก จอมพล หรือน้องจุ๊บแจง อายุ 19 ปี ที่ประสบอุบัติเหตุ รถเมล์ปรับอากาศชนขณะนั่งรถจักรยานยนต์กับเพื่อนไปโรงเรียน จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ทำให้น้องจุ๊บแจง ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ส่วนทางฝ่ายชายเป็นอัมพาตช่วงล่าง หลังเกิดเหตุทางครอบครัวได้เข้าแจ้งความที่สน.พญาไท แต่คดีไม่มีความคืบหน้า (อ่านข่าว :
สุดสะเทือนใจ สาว 19 รถเมล์ทับจนพิการ บ้านถูกยึดแต่คดีไม่คืบ ซ้ำถูกเรียกค่าเสียหาย)
ล่าสุด ( 25 ก.ค.) ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ลงพื้นที่ไปบ้านของ
นางสาวธัญชนก หรือ “น้องจุ๊บแจง” ซึ่งทางครอบครัวให้แพทย์มาทำกายภาพบำบัด ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ทางนางสาวอภัสรา ย่าของผู้เสียหายก็ต้องขายรถในราคา เกือบ 8 แสนบาท และนำที่ดินส่วนตัว จำนวน 20 ไร่ ไปจำนองเป็นเงิน 3 แสนบาท มาเป็นค่ารักษาพยาบาล ซึ่งขณะนี้บ้านยังไม่ถูกทางธนาคารยึด แม้ตนจะค้างชำระมานานถึง 10 เดือนก็ตาม เพราะทางเจ้าหน้าที่ธนาคารมีความเห็นใจ และให้รวบรวมเอกสารไปส่งที่สำนักงานใหญ่ ขณะนี้อยู่ที่ทางธนาคารว่าจะอนุมัติหรือไม่
ขณะที่
นายธนบดี สิทธิภา หรือน้องบูม อายุ 20 ปี ผู้ที่ขับขี่รถจักรยานยนต์พาน้องจุ๊บแจงไปโรงเรียนในวันเกิดเหตุ บอกว่า ขณะนี้ร่างกายไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ ถึงแม้อาการจะดีขึ้น แต่ช่วงล่างไม่มีความรู้สึก เนื่องจากกระดูกสันหลังเคลื่อน ส่วนวันเกิดเหตุ ตนจำได้ว่ารถจักรยานยนต์ล้ม และมารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อถึงโรงพยาบาล ยอมรับว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ได้เปลี่ยนชีวิตตนไปเลยทั้งชีวิต
ด้าน
นางภารินทร์ สุทธิประภา อายุ 56 ปี แม่น้องบูม เปิดเผยว่า คนในครอบครัวต้องดูแลน้องอย่างใกล้ชิด เนื่องจากร่างกายน้องตั้งแต่ช่วงลิ้นปี่ลงมาถึงขา ไม่มีความรู้สึก และไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ซึ่งทางแพทย์ต้องเข้ามาทำกายภาพบำบัด โดยทางบ้านต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง ภายหลังเกิดอุบัติเหตุ ทางคู่กรณีเคยมาเยี่ยมน้องบูม เพียงครั้งเดียว คือช่วงเกิดเหตุ ส่วนเรื่องคดีก็มีการไกล่เกลี่ยครั้งเดียว ที่สน.พญาไท ตอนนั้นทางคนขับรถเมล์ดังกล่าว ไม่ยอมรับผิด และพูดว่าให้ไปคุยกันที่ศาล
ส่วนกรณีเรื่องเงินจำนวน 18,000 บาท ที่ถูกทาง ขสมก.ฟ้องเรียกค่าเสียหาย ความจริงแล้วเป็นเงินจำนวน 38,000 บาทซึ่งทาง ขสมก. ให้ทางลูกชายตนชดใช้ โดยอ้างว่า ลูกชายทำรถของ ขสมก. ได้รับความเสียหาย
อย่างไรก็ตามทาง ขสมก. เคยส่งตัวแทนมาคุยเรื่องค่าเสียหายที่ให้ครอบครัวชดใช้แล้ว แต่ตนตอบกลับไปว่า ไม่มีเพราะค่ารักษาลูกชาย ก็แทบจะไม่ไหว หากมาทวงอีก ก็อยากถามว่ามีมนุษยธรรมหรือไม่ หรือจิตใจคุณทำด้วยอะไร
ทาง
พ.ต.อ.นิติวัฒน์ แสนสิ่ง ผู้กำกับ สน.พญาไท เปิดเผยว่า คดีดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่ได้ส่งสำนวน ไปที่อัยการเรียบร้อยแล้ว เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่สวบสวนได้แจ้งข้อหา คนขับรถเมล์ ปอ.23 ในข้อหา ขับรถด้วยความเร็ว ขาดการระมัดระวัง และขับรถในช่องทางการเดินรถที่สองจากซ้ายมือ อันเป็นการฝ่าฝืนเครื่องหมายพื้นทางการเดินรถ ซึ่งรถประจำทางบังคับให้ขับชิดขอบทางด้านซ้าย เป็นเหตุให้เฉี่ยวชนกับรถผู้อื่น จนเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส พร้อมบอกว่า ตนเข้าใจญาติผู้เสียหายดี และยืนยันว่า ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ทอดทิ้งคดีแต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้เดินทางมาสอบถามข้อมูลที่อู่รถเมล์ ขสมก. ย่านปู่เจ้าสมิงพราย โดยทราบว่า คนขับรถเมล์ คือ นายธนบูรณ์ ดอนทองคำ อายุ 59 ปี ซึ่งนายท่าประจำอู่ ให้ข้อมูลว่า เรื่องราวข้อเท็จจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้น ให้รอเจ้าตัวเป็นคนชี้แจงในวันพรุ่งนี้ (26 ก.ค.) เพราะข้อมูลจะได้ไม่คลาดเคลื่อนและมีความน่าเชื่อถือมากกว่า