กระทรวงการต่างประเทศเผย 7 ร่าง แรงงานกลับถึงไทย 26 ต.ค. นี้ เวลา 10.35 น. วอน แรงงานไทยใน อิสราเอลตัดสินใจกลับบ้าน ก่อนสถานการณ์จะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอลว่า ร่างผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นแรงงานไทยจำนวน 7 ราย จะได้รับการ นำกลับประเทศไทย โดยสายการบิน El Al Israel Airlines เที่ยวบินที่ LY083 ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในวันที่ 26 ต.ค. นี้ เวลาประมาณ 10.35 น. เพื่อให้ครอบครัวและญาติรับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
นอกจากนี้ ยังเผยถึงสถานการณ์สงครามอิสราเอล-ฮามาส ว่ามีแนวโน้มยืดเยื้อและรุนแรงมากขึ้น จึงแนะนำให้คนไทยในอิสราเอล พิจารณาเดินทางกลับประเทศโดยเร็วที่สุด
ส่วนยอดแรงงานไทยที่เดินทางกลับมาแล้วขณะนี้ รวมทั้งสิ้น 4,150 คน จากแรงงานไทยที่ได้ลงทะเบียนกรอกแบบฟอร์มแจ้งความประสงค์กับทางสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ เพื่อขอกลับไทยจำนวนกว่า 8,400 คน
ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตยังเท่าเดิม คือ 30 คน, บาดเจ็บ 18 คน, และคาดว่าถูกควบคุมตัว 19 คน
นอกจากนี้ กระทรวงการต่งประเทศได้รายงานสถานการณ์ล่าสุดว่า
1.จากประเมินของหลายฝ่ายเห็นว่า แม้การโจมตีทางอากาศในระยะนี้อาจลดลงเมื่อเทียบกับช่วงแรกที่เกิดการสู้รบ แต่มีแนวโน้มที่การสู้รบจะยืดเยื้อและสถานการณ์จะทวีความรุนแรงมากขึ้น ในกรณีที่กองกำลังทหารอิสราเอลบุกกาซาทางบก ซึ่งอาจทำให้การสู้รบขยายตัวไปยังบริเวณอื่นของอิสราเอล เช่น บริเวณชายแดนทางเหนือติดกับเลบานอน หากสถานการณ์บานปลายก็จะส่งผลกระทบต่อการอพยพ รวมถึงการจัดเที่ยวบินออกจากพื้นที่ได้
2. ทางการไทยขอแนะนำให้คนไทยในอิสราเอลพิจารณากลับประเทศไทยโดยเร็วที่สุด โดยคำนึงถึงเหตุผลด้านความปลอดภัยของชีวิตของท่านเป็นสำคัญ ซึ่งรัฐบาลพร้อมดำเนินการทุกวิถีทางให้ทุกท่านได้เดินทางกลับประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ รวมถึงกระทรวงแรงงาน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดให้มีมาตรการต่าง ๆ เพื่อดูแลช่วยเหลือท่านในการทำมาหาเลี้ยงชีพในระหว่างที่พำนักอยู่ในประเทศไทย และในอนาคต หากสถานการณ์เอื้ออำนวย ท่านก็สามารถเดินทางกลับไปทำงานที่อิสราเอลได้อีก โดยกระทรวงแรงงานพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกให้ท่าน
3. สำหรับประชาชนชาวไทย กระทรวงการต่างประเทศขอแนะนำว่า ขณะนี้ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังประเทศอิสราเอล หรือเลื่อนการเดินทางไปอิสราเอลออกไปก่อน และขอให้ติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์การสู้รบครั้งนี้อย่างใกล้ชิดจากแหล่งข่าวและหน่วยงานที่เชื่อถือได้ต่อไป