จากกรณีมีการเผยแพร่คลิป ขณะเจ้าหน้าที่
ด่านกักกันสัตว์สงขลา ถ.ศรีภูวนารถ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ทำลายไก่ของกลางที่ลักลอบนำเข้ามาจากประเทศมาเลเซียเกือบ 4,000 ตัว โดยใช้วิธีการขุดหลุมฆ่าฝังดินทั้งเป็น ภายในบริเวณคอกกัก ซึ่งใช้เป็นสถานที่ทำลายซากสัตว์ผิดกฎหมาย ตั้งอยู่ด้านหลังของสำนักงานด่านกักกันสัตว์สงขลา เมื่อวันที่ 21พ.ย. ที่ผ่านมาซึ่งถูกวิจารณ์อย่างหนัก เพราะมองว่าเป็นการทรมานสัตว์และมีการตั้งคำถามว่าเจ้าหน้าที่ใช้วิธีทำลายที่ผิดระเบียบหลักเกณฑ์หรือไม่ ซึ่งจากภาพมีการจับไก่โยนลงไปในบ่อที่มีน้ำขังอยู่ทีละตัวจนขาดใจตายทับถมกันแน่นบ่อ และบางตัวพยายามตีปีกเพื่อเอาชีวิตรอดและสุดท้ายก็ไม่รอดและถูกฝังกลบจนตายทั้งเป็น
ทีมข่าวตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า ไก่ที่ถูกฆ่าฝังดินมี 3,984 ตัว ซึ่งเป็นไก่ที่ถูกเจ้าหน้าที่ศุลกากรปาดังเบซาร์และเจ้าหน้าที่ด่านกักกันสัตว์สงขลาตรวจยึดได้ ขณะที่มีการลักลอบขนเข้ามาจากประเทศมาเลเซีย จำนวนหลายคันรถเมื่อวันที่ 19 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อเสร็จกระบวนการทางระเบียบของศุลกากร ก็ได้ส่งต่อให้ด่านกักกันสัตว์สงขลานำมารวมกันไว้ภายในบริเวณคอกกักโดยปล่อยไว้ 1 วัน ก่อนจะมีการขุดหลุมเพื่อเตรียมทำลาย โดยใช้เวลานานหลายชั่วโมง เพราะต้องโยนไก่ลงไปทีละตัว และมีอุปสรรคเนื่องจากฝนตกลงมาอย่างหนัก
จากการตรวจสอบข้อมูลวิธีการทำลายพบว่า เป็นการทำลายโดยผิดวิธีและผิดหลักเกณฑ์ของกรมปศุสัตว์ ที่กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการทำลายสัตว์ที่เป็นโรคระบาดหรือมีเหตุอันควรว่าเป็นโรคระบาดหรือสัตว์หรือซากสัตว์ที่เป็นพาหะของโรคระบาด พ.ศ.2562 ตามประกาศของกรมปศุสัตว์ ให้ดำเนินการตามหลักการการุณยฆาต โดยเฉพาะกรณีนกไก่เป็ดห่าน ให้ใช้สารเคมีให้สัตว์กิน ฉีดหรือสูดดมเข้าร่างกายสัตว์ เพื่อให้สัตว์นั้นตายโดยไม่ทรมาน หรือใช้วิธีการดึงคอให้สัตว์ตาย แต่การที่เจ้าหน้าที่ด่านกักกันสัตว์สงขลาใช้วิธีฝังอาจเพราะจำนวนไก่ที่มีมาก หากทำตามระเบียบค่อนข้างลำบากและยุ่งยาก จึงใช้วิธีขุดหลุมฝังกลบแทน ซึ่งสะดวกและง่ายกว่า เพราะเป็นครั้งแรกที่มีการยึดไก่ลักลอบได้จำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดทางกองสารวัตรและกักกัน กรมปศุสัตว์รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และได้สั่งการให้หัวหน้าด่านกักกันสัตว์สงขลาชี้แจงข้อเท็จจริงโดยด่วน เนื่องจากภาพที่ปรากฏออกมาสะเทือนใจและถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เพราะเป็นการทรมานสัตว์แม้จะเป็นไก่เลี้ยงจากฟาร์มก็ตาม