พ่อขับกระบะตามคู่กรณีที่รุมทำร้ายลูกชายมา ไกล่เกลี่ย แต่ไม่ยอมมา แถมบิดรถท้าทายเสียงดัง สุดท้าย รถชนกัน เจ็บ 3 ราย 1 ในนั้น ขาขาด
จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ“เพิกชุมแพ” โพสต์ภาพเล่าเหตุการณ์อุบัติเหตุลงในกลุ่ม“คนอำเภอชุมแพ”โดยได้โพสต์ภาพนิ่งพร้อมข้อความระบุว่า“#อุบัติเหตุชุมแพ!!11 พ.ย.66เหตุกระบะชนมอไซค์ มีผู้บาดเจ็บเบื้องต้น 3 ราย อาการสาหัสขาขาดหลุดกระเด็น 1 ราย กู้ภัยต้องช่วยกันส่องไฟหาชิ้นส่วน 20.30 น.บ้านหนองไผ่เหนือ ก่อนถึงบ้านโสกก้อง ต.วังหินลาด กระบะขับชนวัยรุ่นขับมอไชค์ซ้อน3บาดเจ็บสาหัส ส่ง รพ.ขาขาดท่อนล่าง 1ราย คนขับกระบะชี้แจงว่าลูกชายโดนกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนี้ทำร้ายและขับรถหนี เลยขับรถตามบอกให้จอดรถแต่ไม่ยอมจอด เลยขับพุ่งชนลกระเด็นคนละทาง รายละเอียดข้อเท็จจริงคงต้องรอคำให้การทั้งสองฝ่าย (เป็นเพียงคำให้การของคนขับกระบะ)”
ต่อมาเวลา 10.30 น.วันที่ 12 พฤศจิกายน 2566 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ สภ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ขอพบกับ ร.ต.อ.สุพล ดุมกลาง รองสว.(สอบสวน) สภ.ชุมแพ เพื่อขอทราบรายละเอียดของการเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว ทราบว่าเหตุเกิดเมื่อเวลา20.00น.วันที่ 11 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา บนถนนสายชุมแพ-สีชมพู ในพื้นที่บ้านหนองไผ่เหนือ ต.วังหินลาด อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น
ร.ต.อ.สุพล ดุมกลาง รองสว.(สอบสวน) สภ.ชุมแพ กล่าวว่ารับแจ้งอุบัติเหตุรถยนต์ชนรถจักรยานยนต์มีผู้บาดเจ็บที่บ้านหนองไผ่เหนือ ต.วังหินลาด จึงไปตรวจที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงก็พบรถจักรยานยนต์และรถยนต์ตกลงไปในป่าข้างทาง โดยรถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ซึ่งมีสภาพพังยับทั้งคันล้มอยู่ท้ายรถยนต์รถยนต์กระบะสีเทาทะเบียน ผข-1837ขอนแก่น และพบนายศราวุธ อายุ 37 ปี คนขับรถยนต์ยืนอยู่ในที่เกิดเหตุและพบคนเจ็บชื่อนายวรัญญู อายุ 19 ปี ได้รับบาดเจ็บขาขวาขาด และนายจีระศักดิ์ อายุ 18 ปี ซึ่งเป็นคนขี่รถจักรยานยนต์บาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยกันเก็บกู้รถยนต์และรถจักรยานยนต์ จนพบขาท่อนล่างของนายวรัญญูที่ขาดหายไปอยู่ใต้ท้องรถยนต์กระบะ จากนั้นจึงนำคนเจ็บและขาท่อนล่าง ส่งรพ.ชุมแพ เพื่อให้แพทย์ทำการช่วยเหลือ
สอบสวนคนขับรถยนต์ ซึ่งนายศราวุธ ให้การว่าก่อนเกิดเหตุในช่วงเย็นวันที่ 11พ.ย.นั้นรับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้านบ้านหนองไผ่เหนือว่าลูกชายอายุ 13 ปี ชื่อน้องเอ (นามสมมุติ) ถูกวัยรุ่นในหมู่บ้านหนองไผ่ทำร้ายร่างกายขอให้มาพูดคุยกัน ณ ที่ทำการผู้ใหญ่บ้านบ้านหนองไผ่เหนือ
เมื่อพ่อรับแจ้งจึงไปที่บ้านผู้ใหญ่บ้านและขณะรอเจรจากับคู่กรณีที่ทำร้ายลูกชายนั้น ก็มีวัยรุ่นในหมู่บ้านหนองไผ่จำนวน 5 คน ขี่รถจักรยานยนต์ 2 คันมาจอดหน้าบ้านผู้ใหญ่บ้านพร้อมกับเร่งเครื่องเสียงดัง โดยมีชาวบ้านบอกว่าทั้ง 5 คนคือวัยรุ่นที่รุมทำร้าย ด.ช.เอ เมื่อพ่อได้ยินจึงรีบเดินออกไปเพื่อเรียก 5 คนมาคุย แต่ทั้ง 5 คนขี่รถจักรยานยนต์ออกไปอย่างรวดเร็ว พ่อจึงขับรถยนต์ตามไปจนเกิดอุบัติเหตุ ทำให้มีคนเจ็บขาขาดและรถเสียหายดังกล่าว
หลังการสอบสวนคนขับรถรถยนต์ก็ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด เพราะต้องสอบสวนฝ่ายคนเจ็บ 3 คนก่อนและหาก 3 คนจะเอาเรื่องและต้องการร้องทุกข์กล่าวโทษเพิ่ม ก็จะเรียกคนขับรถยนต์มาสอบสวนเพิ่มเติมจากนั้นจึงจะมีการแจ้งข้อกล่าวหา
ด้านนายศราวุธ คนขับรถกระบะให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่าอุบัติเหตุนี้เป็นเหตุการณ์ต่อเนื่อง ภายหลังจากลูกชายถูกกลุ่มวัยรุ่นต่างหมู่บ้านรุมทำร้ายร่างกาย หลังจากพาแฟนและแม่แฟนไปทำการรักษา ซึ่งมีกลุ่มวัยรุ่นรุมทำร้าย ซึ่งช่วงที่ลูกชายโดนทำร้ายนั้นมีชาวบ้านเห็นเหตุการณ์หลายคน แฟนของลูกชายก็ถูกตีตามร่างกายไปด้วยและโดนทำร้ายต่อหน้าเพื่อนๆและแม่แฟน ก่อนที่จะพาไปแจ้งผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งผู้ใหญ่บ้านโทรศัพท์มาบอกว่าลูกชายโดนทำร้าย จึงเดินทางไปที่บ้านผู้ใหญ่บ้านทันที เพื่อสอบถามรายละเอียดและดูบาดแผลลูกชาย โดยมีเพื่อนๆของลูกชายเห็นเหตุการณ์อยู่ด้วย ขณะที่ผู้ใหญ่บ้านพอจะทราบตัวว่าเป็นใครและได้ไปตามมาพูดคุยให้แต่อีกฝ่ายไม่ยอมมาพูดคุย ไม่ยอมมาเจอหน้า
ซึ่งระหว่างที่รอผู้นำไปตามมาได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์ขี่เสียงดังมีการตะโกนขับขี่โหวกเหวกโวยวายเสียงดัง ลักษณะเหมือนก่อกวน ก่อนจะมีคนบอกว่าคนนั้นแหละที่ทำร้ายลูกชายตนเอง ตนเองจึงบอกเดี๋ยวจะไปตามมาพูดคุยไกล่เกลี่ยกันที่บ้านผู้ใหญ่บ้านให้ได้มันจะได้จบ จึงขับรถกระบะตามไป โดยกลุ่มวัยรุ่นขับรถจักรยานยนต์มา 2 คัน คันนึงซ้อน 3 อีกคันซ้อน 2 เมื่อขับตามมาถึงทางแยกคันที่ซ้อน 2 เลี้ยวเข้าหมู่บ้านไป ส่วนอีกคันที่ซ้อน 3 ขี่ตรงไป ตนเองจึงขับกระบะตามคันที่จะตามได้สะดวกก่อน เพื่อจะได้เรียกจอดจะได้ติดตามที่เหลือมาคุยกันที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน พอมาถึงทางคู่ขนานสามารถตีคู่ขึ้นมาได้ จึงลดกระจกลงบอกให้จอดก่อน ให้มาคุยกันก่อนอย่าขับหนีไม่มีอะไรมาคุยกันก่อน ซึ่งมี 1 ในวัยรุ่นซ้อน 3 นั่งอยู่ตรงกลางไม่ใส่เสื้อบอกให้คนขี่รีบหนีไปไม่ต้องจอด ซึ่งรถตนเองตีคู่อยู่พยายามจะเรียกให้จอด แต่รถจักรยานยนต์ไม่จอด ก่อนจะได้ยินเสียงชน แล้วรถก็ไถลไป
ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาหรือตั้งใจชน ตามที่มีการโพสต์ในโซเชียล ซึ่งไม่ได้มีการมาสอบถามตนเองแบบนักข่าว แต่เขียนเอาเองแล้วนำไปลง มีเพียงแค่ถามนิดๆหน่อยๆแล้วเอาไปลง ซึ่งยืนยันว่าไม่มีเจตนาชนหรือตั้งใจเพราะหากตั้งใจคงชนไปนานแล้ว แถมเด็กๆเหล่านี้เจ็บตนเองก็หาน้ำให้กินอยู่ที่เกิดเหตุรอตำรวจมา
ด้านเด็กชายเอ (นามสมมุติ) อายุ13 ปี ลูกชายของเจ้าของรถกระบะ เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองก็นั่งอยู่บนรถจักรยานยนต์โดยมีแฟนอยู่ด้วย จู่ๆมีกลุ่มวัยรุ่นหลายคนเดินมาทางตนเอง แล้ว 1 ในนั้นชี้มาที่ตนเอง หาว่าตนเองไปมองหน้าก่อนจะหันไปบอกกับพรรคพวกที่มาด้วยกันว่า “คนนี้แหละพี่ที่มีเรื่องกับผม” ด้วยความงงที่ไม่รู้จักกันมาก่อน “ก็ถามไปว่าคนไหนครับ” พอพูดจบก็โดนต่อยที่คางอย่างไม่ทันตั้งตัวก่ อนที่แฟนจะเข้ามากันช่วย แต่กลุ่มวัยรุ่นไม่สนใจรุมทำร้ายทั้งตัวเองและแฟนทั้งเตะทั้งต่อย ก่อนจะมีคนตะโกนขึ้นมา พวกกลุ่มวัยรุ่นจึงพากันขี่รถจักรยานยนต์หนีไป ครอบครัวแฟนจึงพาไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านและแจ้งความกับตำรวจและก่อนหน้านี้ไม่กี่วันเคยเห็นคนที่ชี้บอกพรรคพวกว่ามีเรื่องกับตนเอง แต่ครั้งนั้นก็ไม่ได้มีเหตุการณ์ที่ได้พูดคุยกันหรือมีปากเสียงกันแต่อย่างใด เพราะไม่รู้จักกันกระทั่งพาพวกมารุมทำร้ายในครั้งนี้