ชุดไล่ล่าวิเคราะห์ ชะตากรรม เสี่ยแป้ง อาจตายในป่า หรือหากรอดก็คงหนีออกจากเทือก เขาบรรทัด ไปแล้ว โดยใช้ช่องโหว่ 3 วันก่อน จนท.บล็อกทางหนี เเฉชอบสร้างภาพเป็นคนดี เเต่เบื้องหลังตรงข้ามกันสิ้นเชิง
วันนี้ (17 พ.ย.66) ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้พูดคุยกับ พันตำรวจโทวิรัตน์ จีนเมือง รองผู้กำกับการสืบสวน ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติด ตำรวจภูธรจังหวัดพัทลุง เปิดเผยว่าหลังจากที่มีการปรับแผน ทางหน่วยของตนก็ยังคงได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติภารกิจในเรื่องของการบล็อกช่องทางบริเวณบ้านท่าช้าง และลาดตระเวนอยู่ในพื้นที่ แต่ก็ยังไม่พบความเคลื่อนไหวและยังไม่พบร่องรอยใดๆที่เกี่ยวข้องกับเสี่ยงแป้ง
หากถามว่าตอนนี้เสียแป้งอยู่ที่ไหน วิเคราะห์ได้เป็น 2 แนวทาง โดยแนวทางแรก คาดว่าอาจจะตายในป่า เพราะจากการสอบปากคำพยานที่พบเห็นเสี่ยแป้งในวันปะทะ พยานยืนยันว่าเสี่ยแป้งวิ่งเข้าป่าไปเพียงลำพัง ไม่ได้มีเสบียงอาหารติดตัว มีเพียงปืนประจำกาย เท่ากับว่าเสี่ยแป้ง จะต้องเผชิญกับความยากลำบากในป่า ทั้งเรื่องเสบียงอาหาร และเรื่องสภาพอากาศที่หนาวเหน็บ ซ้ำร้ายไปกว่านั้นฝนยังตกหนักทุกวัน ร่างกายของมนุษย์ไม่สามารถทนได้อย่างเเน่นอน จึงเชื่อว่าเสี่ยแป้งอาจจะเสียชีวิตอยู่ในเทือกเขาบรรทัดแล้ว
ส่วนแนวทางที่ 2 เสี่ยแป้งอาจจะหนีออกจากเทือกเขาบรรทัดไปแล้ว เนื่องจากวันที่มีการปะทะ เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน เจ้าหน้าที่ได้ตั้งด่านสกัดอยู่บริเวณรอบนอก เเละจัดชุดไล่ล่าในป่า เเต่ยังไม่ได้มีการบล็อกพื้นที่ตามแนวเชิงเขา การบล็อกพื้นที่โดยละเอียดเพิ่งเริ่มเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ดังนั้นจึงมีช่องโหว่ 3 วัน คือวันที่ 8 , 9 ,10 พฤศจิกายน ที่เสี่ยเเป้งอาจจะหนีออกจากเทือกเขาได้
หากถามว่าถ้าหนีออกจากเทือกเขาได้แล้ว เสี่ยแป้งจะไปที่ไหนต่อ ส่วนตัวเชื่อว่าคงจะไปหาพรรคพวกหรือคนที่ช่วยเหลือ ซึ่งในพื้นที่จังหวัดพัทลุงนั้น เสี่ยแป้งมีเครือข่ายอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอำเภอป่าบอน มีข้อมูลว่าเสี่ยเเป้งมีพรรคพวกอยู่หลายคน หากมีคนช่วยเหลือ ก็มีโอกาสที่จะหนีต่อไปต่างจังหวัด เเต่คงไปไม่ถึงพม่าอย่างเเน่นอน เพราะเเถบนั้นเสี่ยเเป้งไม่คุ้นชิน เชื่อว่าเป้าหมายการหลบหนีคงอยู่เเถบจังหวัดในภาคใต้ หรือไกลสุดคือกรุงเทพฯ เพราะโดยธรรมชาติแล้วเสี่ยแป้งจะต้องหลบหนี ไปอยู่ในจุดที่มีเครือข่าย หรือคนให้การช่วยเหลือ จะไม่ไปจุดที่ไม่มีคนรู้ตักเเน่นอน ซึ่งถิ่นของเสี่ยเเป้ง และเครือข่ายด้านยาเสพติดนั้น อยู่ในพื้นที่ภาคใต้
พันตำรวจโทวิรัตน์ ยังบอกอีกว่า "ผมกับเสี่ยเเป้งรู้จักกัน นิสัยของเสี่ยเเป้งมักจะชอบสร้างภาพลักษณ์ให้ดูดี เช่นไปทำบุญ หรือบริจาคเงิน เพื่อให้สังคมมองว่าเป็นคนดี เเต่เบื้องหลังของเสี่ยเเป้งเป็นอย่างไรผมรู้ดีที่สุด ผมมีข้อมูลหมด" ดังนั้น จึงอยากฝากถึงเสี่ยแป้ง ในฐานะคนที่รู้จักกัน อยากจะให้มามอบตัว อย่าคิดหลบหนีอีกเลย ทุกอย่างจะได้จบ เพราะตอนนี้นอกจากเจ้าหน้าที่จะลำบากเเล้ว ครอบครัวเเละญาติพี่น้อง ก็รู้สึกอับอาย
อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวสังเกตเห็นว่า ที่คอของพันตำรวจโทวิรัตน์ มีวัตถุมงคลห้อยอยู่ คือรูปพ่อ - รูปเเม่ เเละพระเครื่อง หลวงปู่ทวดวัดช้างให้ ซึ่งตนเองให้ความนับถือมีพุทธคุณด้านแคล้วคลาดปลอดภัย เพราะนอกจากจะทำงานด้านปราบปรามยาเสพติดแล้วในอดีตตนเองยังเคยไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เคยมีเหตุปะทะกับคนร้ายหลายครั้ง ก็รอดปลอดภัยมาได้ทุกครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่งเหยียบกับระเบิด เเต่ก็รอดชีวิตอย่างปาฏิหาริย์ จึงเอาติดตัวไว้ทุกครั้งเวลาปฏิบัติหน้าที่
ขณะเดียวกันทีมข่าวยังได้สังเกตพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่เป็นลูกน้องของ พันตำรวจโทวิรัตน์ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณจุดสกัดเชิงเขาบรรทัด แต่ละคนก็ล้วนมีวัตถุมงคล เเละพระเครื่องห้อยคอกันอยู่แทบทุกคน ทั้งหลวงปู่ทวด หลวงพ่อโสธร นอกจากนี้ยังมีพระเกจิชื่อดังในจังหวัดพัทลุง อาทิ หลวงพ่อจุล วัดลานเเซะ หลวงพ่อหมุนวัดเขาเเดงตะวันออก พระอาจารย์เมฆ วัดเจนตก ฯลฯ ซึ่งวัตถุมงคลเหล่านี้ถือเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจเจ้าหน้าที่ ในเวลาปฏิบัติหน้าที่ในป่าหรือสถานการณ์เสี่ยง.