ตำรวจเร่งล่าโจร บุกเดี่ยว ชิงทอง ยกถาด 23 เส้นย่าน หนองจอก พบหลังก่อเหตุใช้ปืนจี้แท็กซี่พาหนี ทะเบียนชัด เร่งตามตัวโชเฟอร์แท็กซี่สอบจุดส่ง
ความคืบเหตุคนร้ายก่อเหตุชิงทองในห้างย่านหนองจอก ถนนเชื่อมสัมพันธ์ แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก กทม. เมื่อช่วงค่ำวานนี้ ซึ่งพนักงานให้ข้อมูลว่า คนร้ายถือปืนเข้ามาก่อเหตุ โดยเน้นยกถาดทองตรงผนังตู้โชว์ด้านบน ยกไป 2 ถาด ได้สร้อยคอไปทองคำเส้นละ 1 บาท ไปทั้งหมด 23 เส้น ก่อนหลบหนีไป โดยเหตุการณ์มีพลเมืองดี ที่ถ่ายคลิปขณะก่อเหตุและยังวิ่งตามไปจนเห็นเส้นทางหลบหนีคนร้าย ว่ามีการวิ่งไปใช้ปืนจี้แท็กซี่ พาหลบหนีไป
ทีมข่าวได้พูดคุย กับพลเมืองดีที่ถ่ายคลิปขณะเกิดเหตุในห้าง และยังวิ่งตามออกมาเพื่อช่วยตะโกนให้ตำรวจจับคนร้าย เขาเล่าว่า ช่วง17 นาฬิกา สังเกตเห็นชายคนหนึ่งแต่งกายมิดชิด และเดินวนไปมาหน้าร้านโทรศัพท์มือถือ ที่อยู่ตรงข้ามร้านทอง พฤติกรรมดูน่าสงสัย เพราะเดินก้มหน้าก้มตา และไม่สบตาไม่คุยกับใคร แต่มองหน้าไม่ชัดเพราะหลบหน้าตลอด โดยชายคนนี้เดินวนไปมาจนรู้สึกผิดปกติ ก่อนที่ช่วงทุ่มครึ่งชายคนนี้จะเดินเข้ามาเงียบแล้วชูปืนให้พนักงานเห็น และปีนข้ามเคาท์เตอร์เข้าไป กวาดทองที่ถาดติดผนังอย่างใจเย็น และเงียบๆ ไม่ส่งเสียงดังหรือพูดข่มขู่อะไร พนักงานร้านทองเองก็พากันมาหลบที่ร้านโทรศัพท์ เขาจึงยกมือถือมาถ่ายคลิป พร้อมตะโกนเรียกตำรวจให้ช่วย คนร้ายตกใจรีบหยิบทองวิ่งหลบหนีไป เขาก็วิ่งตามไปอีก คนร้ายวิ่งออกมาหน้าห้าง และไปขึ้นรถแท็กซี่ใช้ปืนจี้บังคับให้พาหลบหนีไป ซึ่งเธอถ่ายคลิปเอาไว้ และให้ตำรวจไปแล้ว เพื่อใช้ติดตามจับคนร้าย
ล่าสุดวันนี้ชุดสืบสวน สน.หนองจาก พร้อมด้วยชุดสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 ร่วมกันลงพื้นที่ ห้างย่านหนองจอก ที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่เกิดเหตุทั้งหมดอย่างละเอียด
โดยเราได้ภาพจากกล้องวงจรปิด เป็นของคนร้ายขณะก่อเหตุ ผู้ก่อเหตุเป็นชาย อายุประมาณ 23 ปี สูงประมาณ 175 ซม.สวมเสื้อกันหนาวแขนยาวแบบมีฮู้ดสีดำ ใส่กางเกงยีนส์สีน้ำเงิน ใส่แว่นดำ และมีปืน 1 กระบอก ถืออยู่ที่มือด้านขวา สวมถุงมือ ส่วนเส้นทางหลบหนีคนร้ายขึ้นรถแท็กซี่สีส้มหลบหนีไป ซึ่งพลเมืองดีถ่ายภาพเอาไว้ได้ เห็นทะเบียนชัดเจน ขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามคนขับแท็กซี่เข้าให้ปากคำว่าคนร้ายให้ไปส่งที่ใด
ส่วนการลงพื้นที่ตำรวจจะตรวจสอบกล้องเพื่อดูว่าคนร้ายมาเพียงคนเดียวหรือไม่ และมาตั้งแต่ช่วงเวลาไหน มาจากเส้นทางไหน และหลบหนีไปอย่างไร ซึ่งคาดว่าจะติดตามได้ไม่ยากเพราะมีหลักฐานจากพลเมืองดีค่อนข้างชัดเจน.