พี่สะใภ้เล่านาทีเสียงปืนสิบตำรวจเอกคลั่ง ผวากลัวแอบซ่อนเงียบในบ้านกับแม่ผัว ไม่รู้ปมทำไมยิงพ่อ ทั้งที่สิบตำรวจเอกเป็นคนรักพ่อมาก
จากกรณีที่ สิบตำรวจเอกเกิดอาการคลุ้มคลั่งใช้อาวุธปืนยิงพ่อของตัวเองเสียชีวิต อีกทั้งยังจับแม่ และน้องสะใภ้ ไว้เป็นตัวประกันภายในบ้านพัก พื้นที่ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ก่อนที่ตำรวจจะเกลี้ยกล่อม ให้มอบตัว และสามารถควบคุมตัวไว้ได้ ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้นั้น
ต่อมาวันที่ 23 พ.ย. 66 น.ส.แยม (นามสมมติ) อายุ 27 ปี ซึ่งเป็นพี่สะใภ้ของสิบตำรวจเอกที่ก่อเหตุดังกล่าว และเป็นคนอยู่ในเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ที่บ้านเป็นครอบครัวใหญ่ โดยผู้ก่อเหตุมีพี่น้อง 4 คน คนโตเป็นตำรวจเช่นเดียวกัน และตัวผู้ก่อเหตุเป็นคนสุดท้อง มีครอบครัวแล้ว และมีลูกสาวคนเล็กวัย 6 ขวบ ลูกชายคนโต 8 ขวบ โดยในขณะเกิดเหตุอยู่ภายในบ้านกันรวม 7 คน ตนกับแฟนอยู่อีกห้องที่ติดกับพ่อ มีแค่ผ้าม่านกั้น ปลายเท้าชนกัน
โดยผู้ก่อเหตุเริ่มมีอาการแปลกๆมา 3 วัน ไม่ยอมหลับนอน เก็บตัวอยู่คนเดียว และบ่น เครียด อยากได้ห้องพักที่แฟลตตำรวจ หากไม่ได้จะขอย้ายกลับ สภ.พุทธมณฑล
ต่อมาเมื่อคืนตนกลับมาจากทำงานประมาณ 21.00 น. หลังกินข้าวเสร็จก็ไปล้างจานหลังบ้าน ได้เสียงคนเทน้ำ ได้กลิ่นเป็นกลิ่นเบียร์ จึงถามแฟนว่าเอาเบียร์ไปราดหลังบ้านหรือ แฟนก็ปฏิเสธ เลยไม่ได้สนใจ จึงเข้านอน ขณะที่พ่อเองก็นอนหลับไปพร้อมกับเสียงโทรศัพท์ที่มักจะเปิดข่าวดูทุกๆคืน ซึ่งปกติก่อนเช้าประมาณตี 3-4 พ่อจะลุกขึ้นมาปิดเอง แต่ปรากฎว่าเวลาประมาณ 03.30 น. มีเสียงปืนดังห่างกัน 2 ครั้ง ก็ตกใจ แฟนหนุ่มลุกขึ้นรีบไปดูพ่อก่อนเรียกพ่อแต่พ่อไม่ตอบรับ แม่จึงไปเรียกพ่อ แต่เมื่อเขย่าตัวก็เห็นคราบเลือดถึงรู้พ่อถูกยิง
น.ส.แยม เล่าต่อว่า ขณะที่คนอื่นๆ เช่น ลูกสาว ลูกชาย พี่ชาย และแฟนคนก่อเหตุ ออกจากบ้านได้ก่อนที่ตนกับแม่แฟนจะออกไปได้ทัน ตนจึงพยายามอยู่แบบเงียบๆ กับแม่ เพราะแม่อยู่ในอาการโศกเศร้าเสียใจและร้องไห้ แต่ในขณะนั้นยอมรับว่ากลัวมาก เพราะผู้ก่อเหตุตะโกนตามหาพี่ชาย ซึ่งคือแฟนของตน ลักษณะน้ำเสียงขึงขัง ตนกลัวแบบตัวสั่นทำอะไรไม่ถูกได้แต่อยู่เงียบๆ เพราะกลัวว่าจะมาก่อเหตุซ้ำและทำคนในครอบครัวอีก
ยอมรับว่าครั้งนี้เป็นครั้งที่มีอาการคุ้มคลั่งหนักสุด ถึงขั้นก่อเหตุทำร้ายพ่อ คิดว่าเขาน่าจะคิดว่าทำกับพ่อได้แค่คนเดียว เพราะพ่อเป็นคนที่ยอม และเขาก็เป็นคนที่รักพ่อมากๆ เคยมีครั้งหนึ่งพ่อไม่สบาย เขาก็กลับไม่พาพ่อไปโรงพยาบาล แต่กลับพาไปวัด ซึ่งก็เป็นเรื่องที่คนในบ้านแปลกใจ แต่สาเหตุที่แท้จริงว่าทำไมยิง ไม่มีใครทราบได้
น.ส.แยม เล่าอีกว่า สำหรับตัวผู้ก่อเหตุเป็นคนเงียบเก็บตัวไม่ค่อยปรึกษาใครนอกจากพี่ชายคนโตที่เป็นตำรวจด้วยกัน จากที่เห็นเขามักจะมีการโทรศัพท์หากันอยู่เป็นประจำ โดยส่วนใหญ่จะพูดคุยปรึกษาแค่เรื่องงาน