เฒ่าหลังค่อมวัย 85 ปี ฉุนหลานชายของเมียที่ขโมยน้ำปลาและข้าวสารของตนใช้มีดปลายแหลมแทงสั่งสอนถูกจุดสำคัญเสียชีวิต
เมื่อเวลา 11.55 น. วันที่ 5 ธ.ค. 66 พนักงานสอบสวน สภ.กุดชุม รับแจ้งเหตุใช้อาวุธมีดแทงกันเสียชีวิตที่บ้านแห่งหนึ่งในบ้านหัวงัว ต.กำแมด อ.กุดชุม จ.ยโสธร จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.ต.เดชา ยีรัมย์ สว.สส.สภ.กุดชุม และเจ้าหน้าที่กู้ภัยฮุก 31 จุดกุดชุม เกิดเหตุห่างจากบ้านพักประมาณ5เมตรพบร่างของนายมนูญ ผลดา อายุ 49 ปี นอนหายใจรวยรินมีแผลถูกของมีคมแทงเข้าบริเวณใต้ราวนมซ้าย เลือดไหลอาบเต็มเสื้อผ้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งไปรักษาที่ รพ.กุดชุม ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา จากนั้นพ.ต.ต.เดชา ได้เข้าจับกุมตัวนายชารี ส่องใส อายุ 85 ปี ชายหลังค่อมที่นั่งอยู่ภายในบ้านพักด้วยเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นส่วนของกลางถูกทิ้งไว้ใต้ต้นไม้หน้าบ้านพักคือมีดทำครัวปลายแหลมเปื้อนเลือด ความยาวประมาณ 30 เซ็นติเมตร
นายชารีให้การรับสารภาพว่า นายมนูญ ผู้ตายมีศักดิ์เป็นหลานชายฝั่งเมียตน ซึ่งผู้ตายก็มักมากินข้าว และชวนตนดื่มเหล้าที่บ้านพักเป็นประจำ แต่ก็มักมีปากเสียงกันในช่วงที่เมาตลอด ซึ่งผู้ตายมักชอบพูดประชดประชันและท้าทายตนอยู่ตลอดและเมื่อวานนี้ผู้ตายได้มาขโมยน้ำปลาและข้าวสารที่บ้านตนด้วยกระทั่งเวลาตี 3 ช่วงเช้าวันนี้ผู้ตายได้มาหาตนแต่ดึกพร้อมชวนดื่มเหล้า ตนก็ตอบกลับไปว่าไม่กินเพราะเป็นวันพระกำลังจะนึ่งข้าวไปใส่บาตรพระที่วัด จนผู้ตายได้เดินกลับบ้าน กระทั่งช่วงก่อนเกิดเหตุตนกำลังทำกับข้าวอยู่และเห็นผู้ตายอยู่บริเวณหน้าบ้านพัก สอบถามผู้ตายว่าจะไปไหน จากนั้นผู้ตายเดินมาหาและกอดคอตนไว้ตนพยายามผลักและดิ้น เพื่อเอาแขนผู้ตายออก แต่ตนไม่สามารถสู้แรงผู้ตายออกมาได้เพราะต้นหลังค่อมและเตี้ยกว่า ตนก็เลยใช้มีดทำครัวที่ถือไว้ในมือแทงเข้าไป 1 ครั้งเพื่อสั่งสอนจากนั้นผู้ตายได้วิ่งออกจากบ้านไปนอนจมกองเลือดที่ถนนส่วนตนก็ทิ้งมีดดังกล่าวไว้ใต้ต้นไม้หน้าบ้าน
นายบุญเพ็ง ผลดา ผู้ใหญ่บ้านหัวงัว เผยว่านายชารีผู้ก่อเหตุมีอาชีพทำนาหลังค่อมเป็นคนนิสัยดี ขยัน และชอบทำบุญ เพราะชอบทำอาหารไปถวายพระวัดป่าทุกวัน และช่วงเย็นก็จะดื่มเหล้าครั้งละแก้วตามนิสัยของคนแก่ ตนก็ไม่คิดว่านายชารีจะเป็นคนลงมือก่อเหตุ ส่วนผู้ตายนั้นมีอาชีพรับจ้างทั่วไปโดยผู้ตายมักจะชอบไปหานายชารีที่บ้านและมักดื่มเหล้าเป็นประจำแต่ก็ไม่เคยได้ยินว่ามีเรื่องทะเลาะอะไรกัน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหานายชารีว่าทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายก่อนส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป