"มาดามเดียร์" ขอโอกาสสมาชิกพรรค ปชป.เลือกคนเลือดใหม่มาทำหน้าที่หัวหน้าพรรค ลั่นต้องเลิกระบบอุปถัมภ์ ที่เป็นเงื่อนไขทำขัดแย้งภายใน ชี้หากแพ้โหวตต้องทบทวน-ประเมินตนเองว่าจะไปต่อหรือไม่ ไร้กังวลล็อกชื่อโหวต "เฉลิมชัย" นั่งหัวหน้าพรรค
นางสาววทันยา บุนนาค แถลงเปิดใจสมัครเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ลานพระแม่ธรณีฯ พรรคประชาธิปัตย์ โดยขอบคุณสื่อมวลชนที่มา เพราะฟังถึงความตั้งใจในการแสดงจุดยืนการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ (9 ธ.ค.66) ซึ่งเป็นการเลือกหัวหน้าพรรคคนที่ 9 ตนเคยได้บอกไปแล้วตั้งแต่วันแรกที่ตั้งใจสมัครเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อส่งผ่านไปยังสมาชิกและประชาชนว่าจุดยืนที่ตั้งใจเสนอตัวเอง เป็นทางเลือกในการลงสมัครเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพราะมีความเชื่อมั่นและศรัทธาว่าหนทางเดียวที่จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์กลับมาเป็นที่ไว้วางใจ และที่หวังของประชาชนได้อีกครั้งหนึ่ง ก็คือการทำจุดยืนและอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ ให้กลับมาชัดเจน และเป็นทางที่หวังของประชาชนอีกครั้งหนึ่ง อีกประเด็นหนึ่งคือพรรคประชาธิปัตย์จะต้องเปลี่ยนแปลง ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเพื่อตนเอง แต่ต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อประชาชนและสังคมที่เผชิญความท้าทายกับสถานการณ์โลก ไม่ว่าจะเป็นการปฏิวัติเทคโนโลยี ปัญหาสภาวะโลกร้อน รวมทั้งปัญหาสังคมผู้สูงวัย ในขณะที่ประเทศไทยยังไม่สามารถก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลาง ดังนั้น สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์จะต้องทำ คือ การเสนอตัวเพื่อให้ประเทศก้าวข้ามการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เหล่านี้ไปให้ได้ และสุดท้ายสิ่งที่พรรคการเมืองจะต้องทำคือการยึดโยงประชาชนและเคารพเสียงประชาชน ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ จึงอยากฝากไปถึงสมาชิกพรรคและประชาชนทุกคนว่าตนเองศรัทธาวิถีแห่งอุดมการณ์ จึงเสนอตัวมาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมยืนยัน จะไม่เปลี่ยนแปลงคำพูดของตนเองและจุดยืนอย่างแน่นอนแต่จะขอสู้ให้ถึงที่สุด
ส่วนที่มี สส.พรรคส่วนหนึ่งเสนอชื่อนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และรักษาการเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นั้น โดยส่วนตัวไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะยิ่งมีจำนวนแคนดิเดตมากเท่าไหร่ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีที่สมาชิกพรรคจะมีตัวเลือกมากขึ้น แต่ส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับคำพูดต่าง ๆ นั้น ก็เป็นเรื่องที่ประชาชนจะพิจารณา ว่าประชาชนจะรู้สึกอย่างไรต่อพรรคประชาธิปัตย์
ขณะที่มีความกังวลหรือไม่ว่าผลการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคอาจจะล็อคชื่อนายเฉลิมชัย น.ส.วทันยา ย้ำว่า การที่มาสมัครชิงหัวหน้าพรรคก็เพราะศรัทธาในอุดมการณ์ ไม่ได้ตัดสินใจเพื่อต่อรองผลประโยชน์ใด ๆ และไม่ได้ตัดสินใจโดยการคำนวณผลแพ้-ชนะ ดังนั้นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็จะทำตามความฝันและสู้ให้ถึงที่สุด ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของสมาชิกในการเลือก และย้ำว่าเคารพในเสรีภาพที่แตกต่าง แต่โดยส่วนตัวเห็นว่า ทุกคนควรจะคำนึงถึงอนาคตของพรรคประชาธิปัตย์ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร เพราะตอนนี้อนาคตของพรรคประชาธิปัตย์อยู่ในมือของสมาชิกพรรค
ทั้งนี้ หากตนเองไม่ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็คงต้องขอกลับมาทบทวน เพราะโดยส่วนตัวศรัทธาในความเป็นพรรคประชาธิปัตย์และอุดมการณ์ในขณะนี้ เป็นพรรคที่มีประชาชนเป็นเจ้าของ โดยไม่มีใครมากดปุ่มชี้นิ้ว เพราะฉะนั้นเรื่องนี้จึงเป็นประเด็นสำคัญว่าหากทิศทางของพรรคประชาธิปัตย์เปลี่ยนแปลงไปจากวันแรกที่ตนเองมาสมัครก็ต้องกลับมาประเมินตนเอง ซึ่งก็เป็นหลักของการทำพรรคการเมืองและนักการเมืองว่าการร่วมงานกับใครต้องดูทิศทางและอุดมการณ์ว่าเป็นอย่างไร ซึ่งหากเราไม่เหมาะกับองค์กรใดก็เป็นเรื่องของเรามากกว่าที่จะต้องไปพิจารณาตนเอง
น.ส.วทันยา ย้ำด้วยว่า สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเพราะไม่มีจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจน
ซึ่งในวันพรุ่งนี้ ขอฝากบอกไปยังสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ทุกคน ที่หลายคนบอกว่าตนเองเป็นเลือดใหม่พรรคประชาธิปัตย์เข้ามาทำงานกับพรรคเพียงปีเศษ ๆ วันนี้ได้ฐานะคนคนหนึ่งที่เป็นเลือดใหม่พรรคประชาธิปัตย์ แต่ยังเชื่อในวิธีอุดมการณ์และการเริ่มต้นใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์ จะเกิดขึ้นได้จริงก็ขึ้นอยู่กับสมาชิกจึงขอโอกาสขอให้เพื่อนสมาชิก ได้เปิดโอกาสให้ตนเองได้เข้าไปแข่งขันต่อสู้ชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่ในการผ่านมติโหวต 3 ใน 4 ยกเว้นคุณสมบัติ เพื่อแข่งขันเป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งมองว่าไม่ใช่เป็นการให้โอกาสของตนเองเท่านั้น แต่เป็นการให้โอกาสพรรคประชาธิปัตย์เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะหากจะฟื้นฟูพรรคต้องเริ่มจากการเลิกที่จะเลือกจากความสัมพันธ์ เลิกระบบอุปถัมภ์ ต้องเลือกที่คุณสมบัติและความสามารถ เพื่อไม่ให้นำไปสู่ปัญหาความขัดแย้งและความไม่เข้าใจกันในพรรค สุดท้ายจะทำให้พรรคสูญเสียบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถต่อไป